สวัสดีครับทุกคนแก้วจาก Mobile Photographer นะครับ รีวิววันนี้แก้วอยู่กับสมาร์ทโฟนจากทาง HONOR นั่นก็คือ HONOR 200 Pro 5G นั่นเอง เป็นรุ่น Top สุดของ HONOR 200 Series สมาร์ทโฟนระดับกลางจากทาง HONOR ในปีนี้ ซึ่งต้องใช้คำว่า เกินคาดไปมาก ทั้งกล้อง และ Performance การใช้งาน ไม่น่าเชื่อว่าในงบประมาณไม่เกิน 20,000 ของปี 2024 เราจะมีสมาร์ทโฟนที่ฟีเจอร์ครบขนาดนี้ ใช้จริงจะยอดเยี่ยมแค่ไหน ไปดูรีวิวกันครับ
CAMERA : กล้องถ่ายภาพ
ขอเริ่มกันที่เรื่องของกล้องถ่ายภาพกันก่อนเลยนะครับ ชุดกล้องหลังของ HONOR 200 Pro จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ตัว เรียกได้ว่าให้มาครบระยะ และมีคุณภาพ Hardware กล้องแต่ละตัวที่ไม่ธรรมดา มาพร้อมกับไฟแฟลช LED มาดู Spec กล้องกันก่อนเลยนะครับ
กล้องหลัก ความละเอียด 50MP | f/1.6 | Super Dynamic H9000 | PDAF, OIS
กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12MP | f/2.2 | 112 ํ | PDAF
กล้อง Telephoto 2.5 | ความละเอียด 50MP | IMX856 | f/2.4 | PDAF, OIS
กล้องหน้า ความละเอียด 50MP | f/2.1, 21mm, fixed focus; 4K@30fps
พอเห็น Spec กล้องกับ Sensor กันไปแล้วทุกคนน่าจะเริ่มเห็นแล้วว่า ส่วน Hardware เขาให้มาค่อนข้างจะดีมาก แต่ไม่ใช่แค่นั้นครับ เพราะว่าส่วน Software ก็จัดเต็มมาให้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Color Profile ที่มีให้เลือกใช้งาน 3 แบบ คือ Natural ( ส่วนใหญ่ใช้อันนี้ ) , Vibrant และ Authentic
รูปแบบลักษณะในการ Process ไฟล์ภาพของ HONOR 200 Pro จะเน้นความสำเร็จรูปเป็นหลัก ไม่ว่าจะใช้กล้องตัวไหนก็ตาม ลักษณะในการ Process จะออกมาในแนวทางเดียวกัน Software HDR ช่วยขยาย Dynamic Range เปิดส่วนเงาค่อนข้างมาก Sharpness เติมมาประมาณหนึ่ง แต่ไม่ได้เยอะมาก เหมาะกับคนที่ชอบความง่าย ยกขึ้นมากดถ่ายแล้วลง Social ได้เลย พร้อมกับ Watermark ลายน้ำสวย ๆ มาให้เราเลือกใช้งานได้หลากหลายเหมือนเดิม อ้ะ !! มาดูภาพตัวอย่างกันครับ
MAIN CAMERA : กล้องหลัก 50MP | Super Dynamic H9000
เรามาเริ่มกันที่กล้องหลักของ HONOR 200 Pro กันก่อนเลยนะครับ จริง ๆ แล้ว Sensor ของกล้องตัวนี้ คือ OV50H ที่ทาง HONOR นำมา Custom เอง ให้มี Dynamic Range มากขึ้น ลำพังแค่ตัว Sensor ที่มีขนาดใหญ่ 1/1.3" ก็เก็บรายละเอียดในแต่ละช่วงความสว่างได้ดีมากอยู่แล้ว
Auto Exposure หรือ ลักษณะในการวัดแสงจะวัดเผื่อให้ติด Over นิด ๆ แล้วใช้ Auto HDR เฉลี่ยแสงในภาพใหม่ ให้มีความพอดีมากขึ้น ร่วมไปถึง Auto White Balance ก็สามารถคุมอุณหภูมิสีได้แม่นยำ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแสงแบบไหนก็ตาม
สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า HONOR ทำ Software HDR มาได้ค่อนข้างดี และเหมาะสำหรับคนที่ชอบให้ Dynamic Range กว้าง ๆ เวลาที่เรานำกล้องหลักตัวนี้ ไปใช้ในการถ่ายภาพ Landscape หรือ สถาปัตยกรรม รายละเอียดในส่วนเงาจะไม่ทึบ และ ส่วน Highlight ก็เก็บมาได้ดีทีเดียว แต่ Detail ในส่วนเงา บางครั้งจะโดน Noise Reduction เกลี่ยจน รายละเอียด Texture หายไปบ้างนะครับ
และด้วยความที่ Sensor กล้องตัวนี้ มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีค่า f/stop f/1.9 ซึ่งกว้างประมาณหนึ่ง ทำให้เรื่องของ Depth of field หรือการถ่ายภาพละลายฉากหลังนั้น ทำได้ค่อนข้างง่ายมาก ๆ ระยะโฟกัสใกล้สุดถือว่าค่อนข้างใกล้ สำหรับ Sensor ที่มีขนาดเท่านี้
นอกจากนั้น เรายังสามารถ In sensor zoom เข้าไปแบบ lossless ได้ในระยะ 2x เพื่อใช้ในการถ่ายภาพให้ได้ Depth of field ที่มากขึ้นสำหรับการถ่ายของชิ้นเล็ก ๆ เช่น พวก อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องประดับ ฯลฯ การโฟกัสเวลา Depth of field เยอะ ๆ ก็ทำได้ค่อนข้างแม่นยำ
PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล
มาต่อกันที่การถ่ายภาพ Portrait กันนะครับ สำหรับการถ่ายภาพ Portrait ถือว่าเป็นหนึ่งจุดเด่นหลักของ HONOR 200 Pro เลยก็ว่าได้ เพราะว่าได้มีการไป Collaboration กับทาง Studio ถ่ายภาพชื่อดัง จากประเทศฝรั่งเศส อย่าง Harcourt Studio ซึ่งถ่ายภาพคนดังทั่วโลกมาแล้วมากมาย
ระยะในการถ่ายภาพ Portrait เราสามารถใช้งานได้ทั้งหมด 3 ระยะด้วยกัน ได้แก่ 1x | 2x | 2.5x ซึ่ง ระยะที่แก้วแนะนำเลยก็คือ ใช้ 2.5x ไปเลย Focal Length จะอยู่ที่ 68mm ไม่แคบไป ไม่กว้างไป และยังทำให้เราสามารถเปิด Depth ละลายหลังได้มากกว่าระยะอื่นด้วย
ลักษณะของ Profile ภาพที่ทาง Harcourt Studio กับ HONOR ตั้งใจกันออกแบบขึ้นมา จะเน้นไปที่ การจำลองแสงเงา แบบงานถ่าย Studio ซึ่งเป็นของถนัดของทาง Harcourt อยู่แล้ว แต่ทำออกมาให้สามารถถ่ายได้ง่าย มีการ Process ช่วยเยอะ โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน ก็คือ แบบ Harcourt Vibrant | Harcourt Colour | Harcourt Classic ซึ่ง Feeling ที่ได้จะต่างกันหมดเลยนะ
ถ้าเป็น Harcourt Vibrant จะเป็น Profile สีตั้งต้นที่แก้วว่าใช้งานง่ายสุด เหมาะกับทั้งถ่าย Outdoor และถ่ายภายใน Studio โดยที่จะเน้นสีสันสดใส มีการ Process Skintone ที่เน้นความสว่างเป็นหลัก แต่ไม่ได้เกลี่ยผิวหนักมากนัก ยังคงรักษารายละเอียดของผิว หรือ รูขุมขนเอาไว้ได้ดี
การ Simulation Bokeh ในฉากหลัง ต้องบอกว่า ทำได้ดีเกินคาด และดูเป็นธรรมชาติกว่ารุ่นก่อน ๆ มาก ตำแหน่งที่เม็ด Bokeh ขึ้นค่อนข้างสมจริง และขนาด Bokeh ไม่ใหญ่จนผิดธรรมชาติ ถ้าฉากหลังมีมิติที่อยู่ไกล การไล่ระดับของการละลายหลังทำได้ค่อนข้างแม่นยำ
จะมีในบางจังหวะที่ สีของรายละเอียดบนตัวแบบ กับฉากหลังมีความใกล้เคียงกันมาก หรือเวลาที่เราวางตัวแบบไว้บนฉากหลังที่เป็นเงาสะท้อน พวกกระจก หรือกระเบื้องที่มีความมันเงา อาจจะมีการตัดขอบพลาดให้เราเห็นได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยมากนัก
Profile สีอย่าง Harcourt Colour จะเป็น Profile ที่ให้ลุคเป็น Studio Light มากขึ้น โดยภาพจะออกมาในทางโทน Warm มีการปรับ Contrast ขึ้นเล็กน้อย ซึ่งจริง ๆ แล้วสามารถใช้งานในการถ่าย Outdoor ก็ได้ สีจะออกมาฟีล Vintage นิด ๆ
แต่ว่าถ้าเราเอา Profile สีนี้ไปใช้ในการถ่ายภาพใน Studio หรือ สถานที่ที่มีการ Setup แสงไฟไว้ จะให้ภาพที่เหมือนหลุดออกมาจาก Studio จริง ๆ เลย การ Simulation แสงเงาขึ้นมาเสริมทำได้น่าปรับใจมาก
และ Profile สีสุดท้ายอย่าง Harcourt Classic หรือภาพ Portrait แบบขาวดำ ซึ่งแก้วได้ลองถ่ายกับสภาพแสง Outdoor แล้ว ถือว่าสวยใช้ได้เลยนะ มีเอกลักษณะตรงที่ การไล่ระดับของ Contrast ค่อนข้างจะละเอียด ทำให้เล่นกับแสงเงาได้ชั้นมิติที่มากขึ้น
FOOD PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพอาหาร
นอกจาก ใน Mode Portrait จะถ่ายภาพบุคคลทั่ว ๆ ไป ได้ดีมาก ๆ แล้ว เรายังสามารถนำมาใช้ในการถ่ายภาพอาหารได้ดีไม่แพ้กัน เพราะว่า ตัวระยะเลนส์ 2.5x ที่ระยะกำลังดี สามารถเปิด Software Bokeh ขึ้นมาใช้ในการถ่ายได้อย่างแม่นยำ แม้สิ่งที่เราถ่ายจะไม่ใช่บุคคลก็ตาม
และ Profile สีที่เหมาะกับการนำมาถ่ายภาพอาหารที่สุดที่แก้วลองมา ก็คงไม่พ้น Harcourt Vibrant ที่บูสสีสัน ในส่วนสีเหลือง และสีส้มขึ้นมากำลังสวย ไม่ดูสดมากจนเกินไปนั่นเองครับ
TELEPHOTO 2.5x : กล้องเทเลโฟโต้ระยะกลาง 50MP | IMX856
เอาจริง ๆ ไม่คิดว่าทาง HONOR จะให้กล้อง Telephoto ระยะนี้ และใช้ Sensor คุณภาพดีขนาดนี้มาให้ในสมาร์ทโฟนระดับกลาง และ มีความยืดหยุ่นในการใช้งานที่หลากหลาย นอกเหนือจากเอาไปถ่ายภาพ Portrait แต่เพียงอย่างเดียว
เราสามารถใช้ในการถ่ายภาพ Landscape แบบเจาะจุดเด่น ไปจนถึงการถ่ายภาพ Street ภาพสถาปัตกรรมสวย ๆ ได้เช่นกัน เพราะว่าระยะ Focal Length อยู่ที่ 68mm ซึ่งถือว่าเพียงพอกับการใช้งานในระยะกลางแล้ว
สีสันของภาพในกล้องตัวนี้ ทำออกมาได้ใกล้เคียงกล้องหลักมาก ๆ ตัว Software White Balance และการวัดแสง จัดการสีสันได้ดี เวลาใช้ถ่ายสลับกัน มาวางใน Album เดียวกัน ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากนัก ส่วนตัว Dynamic Range ของภาพ ตัวกล้อง Telephoto 2.5x ตัวนี้ แคบกว่ากล้องหลักแค่เล็กน้อยเท่านั้น
จุดที่แก้วรู้สึกว่าใช้กล้องตัวนี้ได้ถ่ายภาพได้สนุกก็คือ พอขนาด Sensor ใหญ่ประมาณหนึ่ง กับเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างมาอยู่ด้วยกัน ทำให้ Depth of field เวลาเราใช้องค์ประกอบภาพที่มี Foreground หรือฉากหน้ามีมิติที่สวย
ตัว Optic หรือชิ้นเลนส์ที่ใช้ใน Telephoto ตัวนี้ การ Coating และการจัดการ Chromatic Abberation ทำมาได้ดีมาก ๆ ขอบเขียว ขอบม่วงแทบไม่มีเลย ต้องจอเหลื่อมแสงที่พอเหมาะจริง ๆ ถึงจะมีให้เห็น แต่ก็เป็นส่วนน้อยอยู่ดี แต่แสง Flare นั้น มีให้เห็นเป็นปกติ
ระยะ Zoom ไกลสุดของกล้อง Telephoto 2.5x ตัวนี้ ที่พอจะใช้งานแบบ Lossless ได้คือ ไม่เกิน 5x ถ้าจะเอาแบบฝืน ๆ ไปจนสุดทางที่คิดว่ายังไหว ก็คือ ไม่เกิน 10x ที่พอจะยังลง Social Media ได้ Detail ที่ดีอยู่ มากกว่าไม่ไหวครับ
แต่สิ่งที่แก้วรู้สึกว่า ควรจะต้องมีการปรับปรุง Software เข้ามาให้นิ่งกว่านี้ ก็คือ เวลาเราถ่ายภาพย้อนแสง Software HDR บางครั้งก็ Process ให้ค่อนข้างหนัก บางครั้งก็ไม่ Process เหมือน กล้องไม่สามารถ Detect ได้ว่า แสงในด้านหลังนั้น Over มากเกินไป
ULTRA WIDE ANGLE : กล้องมุมกว้าง 12MP | FOV 112˚ | AF
มาต่อกันที่กล้อง Ultra wide angle ความละเอียด 12MP ตัวนี้กันบ้างนะครับ สิ่งแรกที่อยากบอกเลยก็คือ กล้องตัวนี้ ไม่ได้มีมุมมองที่กว้างสะใจ และมี คุณภาพที่ดีที่สุดใน สมาร์ทโฟนระดับกลาง ให้มาแค่เพียงพอต่อการใช้งานในภาพรวมเท่านั้น แต่ให้ลูกเล่นในการ Autofocus มาด้วย เพื่อถ่าย Macro
จากที่แก้วได้ลองใช้ในการถ่ายภาพมาในหลาย ๆ สภาพแสง ต้องบอกว่ากล้อง Ultra Wide Angle ตัวนี้ จะ Perform ออกมาได้ดีที่สุด ในช่วงกลางวัน ให้คุณภาพไฟล์ที่เราไว้วางใจได้ โทนสีอาจจะ มีความแตกต่างจากกล้องตัวอื่นเล็กน้อย ก็คือ สีสันจะสดน้อยกว่าเล็กน้อย และมี White Balance ไปในโทนอุ่น
สำหรับแก้วแล้ว การถ่าย Macro ด้วยกล้อง Ultra Wide Angle คงไม่ใช่ตัวเลือกแรก เพราะกล้อง Telephoto มีระยะโฟกัสที่ไม่ได้ไกลมากนัก และเรายังสามารถ In sensor zoom มาได้ 5x แบบ lossless สบาย ๆ ซึ่ง จะได้ Perspective ที่สวยกว่า และ Depth of field ที่ดีกว่านั่นเองครับ
เวลาเอามาถ่ายภาพ สถาปัตยกรรม ก็คือว่าเป็นเรื่องดีของการที่กล้องตัวนี้ มีองศาในการรับภาพที่ไม่ได้กว้างมากนัก เพราะการบิดเบี้ยว หรือ Distortion ค่อนข้างต่ำ ขอบตามภาพทั้ง 4 มุมก็คมชัดดี ไม่ค่อยมีอาการ Soft เหมือน Ultra Wide Angle ที่องศากว้างมาก ๆ
เวลาเราถ่ายภาพย้อนแสง Auto HDR ในกล้อง Ultra Wide Angle ตัวนี้ สามารถที่จะ เปิด Dynamic Range ขึ้นมาได้ค่อนข้างเยอะ ซึ่งเมื่อเทียบกับกล้องหลักแล้ว อาจจะน้อยกว่าเล็กน้อย รวมไปถึง การ Coating หน้าเลนส์ที่ดี ช่วยให้ Flare ที่เกิดขึ้น จะไม่ค่อยสะท้อนเข้ามาที่หน้าเลนส์มากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดของ ขนาด Sensor ที่ใช้ ทำให้ถ้าในภาพที่เราถ่ายมา มีส่วนเงา หรือ Shadow ค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่ตอนแรกที่เราวัดแสง เวลา HDR ขุดส่วนเงาขึ้นมา จะมีจุดรบกวน หรือ Noise ตามมาด้วย พอ Software พยายามจะจัดการจุดรบกวนพวกนั้น ก็จะทำให้ รายละเอียดในส่วน พื้นผิวหายไปบ้าง จากการทำ Noise Reduction
FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 50MP + DEPTH 2MP
พลิกมาดูกันที่กล้องหน้ากันบ้างนะครับ สำหรับกล้องหน้าของ HONOR 200 Pro เครื่องนี้ จะเป็นกล้องหน้าคู่ มี Depth Camera วางคู่กันมาด้วย แต่ตัวที่ทำหน้าที่รับภาพ จะมีตัวเดียวเท่านั้น ก็คือ ตัวที่ Resolution 50MP และมีค่ารูรับแสงที่ f/2.1 นั่นเอง
ก่อนอื่นเลย แก้วขอบอกไว้ก่อนเลยว่า Depth camera หรือ Depth sensor ที่ให้มาด้วยนั้น อาจจะไม่ได้ช่วยให้เรา Selfie ออกมาแล้ว การตัดขอบละลายฉากหลังโหดสุด ไล่ระดับได้สวยเป๊ะ เหมือนกับกล้องหลัง แต่ยังดีกว่ากล้องหน้าของ สมาร์ทโฟนราคา 2 หมื่นกลาง หลาย ๆ ตัวในตลาดที่แก้วได้ใช้งานมาในปีนี้
องศาในการรับภาพ ไม่ได้กว้างมากนัก แต่ไม่ได้แคบจนถึงต้องยื่นแขนออกไปจนสุด เพื่อให้ได้ Frame ภาพที่ต้องการ ลักษณะในการ Process ผิวของกล้องหน้า จะไม่ค่อยเหมือนกับ Portrait ในกล้องหลัง กล้องหน้าจะมีความใส ความสว่างมากกว่า
ส่วน Skintone ของกล้องหน้า โทนสีจะเป็นออกอมส้ม นิด ๆ เวลาคนผิวขาวมาใช้จะรู้สึกพอดี แต่ถ้าใครไม่ชอบ Setup ที่วางเอาไว้ให้ในตอนแรก Beauty Mode ของ HONOR 200 Pro นั้น สามารถ Custom ได้ค่อนข้างเยอะมาก จะเอาหน้าเรียงแค่ไหน หน้าเนียนเท่าไหร่ ปรับได้ตามใจเลย
LOW LIGHT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพในที่แสงน้อย
ต้องบอกว่า " การถ่ายภาพในที่แสงน้อย " นี่คืออีกหนึ่งจุดที่ HONOR 200 Pro ทำได้เกินความคาดหมายของแก้วอีกแล้ว เราสามารถใช้งาน Night Mode ใน ชุดกล้องหลังทุกตัวเลย ตั้งแต่ กล้องหลัก , กล้อง Ultra Wide Angle , กล้อง Telephoto 2.5x
ลักษณะในการ Process ไฟล์ภาพของ Night Mode ใน HONOR 200 Pro นั้น ค่อนข้างที่จะมีการ Process ช่วยเยอะ ตั้งแต่ การ Boost สีสันให้ภาพดูมีความสดมากขึ้น มีการเติม Sharpness และ Clarity เข้ามาในระดับที่พอสมควร แต่ไม่ได้รู้สึกเยอะจนเกินไป
ในแง่ของคุณภาพไฟล์ กล้องที่เราไว้ใจในเรื่องนี้ได้มากที่สุดก็จะเป็นกล้องหลัก ไฟล์ใส Detail ดี จังหวะเวลารอ Shutter ทำงาน ไม่เกิน 0.5 วินาที ก็เสร็จเรียบร้อย ต่อให้เราจะมือไม่นิ่งโอกาสที่ภาพจะเบลอนั้น เกิดขึ้นได้น้อยมาก ๆ
ส่วนกล้อง Telephoto 2.5x กล้องตัวนี้แหละ ที่ค่อนข้างจะเกินความคาดหมายของแก้ว เวลาใช้ถ่ายภาพในช่วงกลางคืน ซึ่งนอกจากจะได้โทนสีแบบเดียวกับกล้องหลัก ลักษณะในการ Process ใกล้เคียงกันแล้ว ในเชิงคุณภาพไฟล์นั้น ถือว่าทำได้สูสีกันเลย
เป็นกล้อง Telephoto ที่รู้สึกว่า กล้าที่จะหยิบขึ้นมาใช้ถ่ายภาพในช่วงกลางคืน ได้แบบไม่รู้สึกกังวล ว่าคุณภาพไฟล์จะแย่เลย แต่ก็มีข้อควรระวังเล็กน้อยก็คือ ระยะเวลาในการลากชัตเตอร์จะนานกว่ากล้องหลัก และถ้าหากมือเราไม่นิ่งพอ อาจจะมีโอกาสที่ภาพจะเบลอได้ครับ
ส่วน Night Mode ในกล้อง Ultra Wide Angle สำหรับแก้วนะ คือ ใช้งานได้ดีตามปกติของระดับราคา สมาร์ทโฟน Midrange ไม่ได้เด่นกว่าคนอื่น แต่ก็ไม่ได้ด้อยจนจะเรียกว่าเป็นปัญหา อาจจะมีเรื่อง การ Balance ความสว่างในภาพที่ยังสู้กล้องหลัก และ Telephoto ไม่ได้
และก็อาจจะมีเรื่องคุณภาพไฟล์ ที่เวลาเราเจอที่แสงน้อยจริง ๆ โอกาสที่จะสูญเสียรายละเอียด ไปในพื้นที่ที่เป็นส่วนมือของภาพนั้น จะเจอได้ค่อนข้างง่ายครับ ก็เลยเป็นระยะที่แก้วมักจะหยิบมาใช้งานในการถ่ายภาพกลางคืน น้อยที่สุดแล้ว
RAW FILE PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ RAW FILE
ใน HONOR 200 Pro นั้น เราสามารถใช้งาน RAW File ได้ใน Mode Pro และรูปแบบของ RAW file จะเป็น Sensor RAW นะครับ ยังไม่ใช่ Computational RAW และใช้งานได้แค่ในกล้องหลักเท่านั้น จุดนี้ก็แอบเสียดายที่ Telephoto 2.5x ใช้ RAW File ไม่ได้
จากการที่แก้วได้ไปทดลองใช้งาน RAW File ตัวนี้มา ในแง่ของความยืดหยุ่นเวลาเรานำมา Process ต่อนั้น ค่อนข้างไว้ใจได้ ส่วนแสงที่เป็น Shadow และ Midtones สามารถปรับแต่งได้ ขุดรายละเอียดต่าง ๆ ได้สบาย แต่อาจจะต้องระวังก็แค่เรื่อง Luma Noise ที่โผล่ตามขึ้นตอนเราขุดส่วนเงานิดหน่อย
แต่ก็มีข้อจำกัดเล็ก ๆ ที่แก้วเจอใน RAW File ของ HONOR 200 Pro ก็คือ อย่างแรก RAW File ตัวนี้ อาจจะเก็บ Dynamic Range ในส่วน Highlight มาได้ไม่ดีมากนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าเป็นแค่ Sensor RAW ที่ไม่ได้มี นำ AI มาช่วย Process ขยายช่วง DR อย่างใด
และ ระยะเวลาในการถ่ายภาพด้วย RAW File ใน Mode Pro จะมีช่วงการ Process ไฟล์อยู่อึดใจหนึ่ง หลังจากกดชัตเตอร์ไป เพราะฉะนั้น ระหว่างการถ่ายภาพด้วย RAW File ไม่ควรรีบขยับมือเปลี่ยนตำแหน่งเร็วจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ภาพเบลอได้ครับ
VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ
การถ่ายวีดีโอใน HONOR 200 Pro นั้น Resolution สูงสุดที่เราถ่ายได้ จะเป็น 4K ซึ่งจริง ๆ แล้วสามารถถ่ายได้ถึง 4K 60fps ในกล้องหลัก และ กล้อง Telephoto และ 4K 30fps ในกล้อง Ultra Wide Angle ซึ่งโชคดีที่ Format งานที่แก้วใช้งานบ่อยจะเป็น 4K 30fps อยู่แล้ว สิ่งหนึ่งเลยที่เป็นข้อดีมาก ๆ ของการถ่าย Video ใน HONOR 200 Pro ก็คือ เราสามารถสลับกล้องระหว่างถ่าย ได้ค่อนข้าง Smooth ทั้งระหว่างกล้องหลังด้วยกัน ไปจนถึง กล้องหน้า ก็ทำได้เช่นเดียวกัน
ตัว Bitrate ของ Video 4K 30fps ในกล้องหลังโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 48mbps และในกล้องหน้าจะอยู่ที่ 50mbps ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ อยู่ในระดับเดียวกับ Bitrate Video 4K ของสมาร์ทโฟนเรือธงราคา 30,000 เลย โดยที่ตัวเนื้อไฟล์นั้นค่อนข้างจะเห็น Detail ที่ดี มีการ Boost สีสัน และ Sharpness ขึ้นมาเล็กน้อย
สิ่งหนึ่งที่แก้วรู้สึกว่า อยากให้ HONOR ปรับปรุงเพิ่มเติมในส่วนของ Software ก็คือ ตัว White Balance ใน Mode Video ในกล้องหลัก และ Telephoto ค่อนข้างดีมาก แต่ถ้าเป็นในกล้อง Ultra Wide Angle นั้น มีหลายครั้งที่สภาพแสง สภาพสีสันในฉากเปลี่ยนไปแล้ว แต่ Software ตัวกล้องยังไม่สามารถเปลี่ยนตามได้ทันครับ
ส่วน Video 4K 30fps ในกล้องหน้า อย่างแรกคือ เราขาด Autofocus ในกล้องไป ทำให้ข้อนี้อาจจะเป็นอุปสรรคสักหน่อยสำหรับการใช้งาน Video ที่จะครอบคลุมทุกด้านได้ และองศาในการรับภาพที่อาจจะไม่ได้กว้างมากนัก ทำให้ต้องยื่นแขนออกไปสุด เพื่อให้ได้ Frame ภาพที่กำลังดี ไม่อึดอัดเกินไป
SPECIFICATION
Chipset : Qualcomm Snapdragon 8s Gen 3
RAM 12GB + Storage 512GB
Display : 6.78 inches AMOLED Quad Curved Display | 1.5K | 120Hz | 1B
Operation system : MagicOS 8.0 | Android 14
Sim Card Triple Slot ใส่ซิมได้ 2 ซิม
Stereo Speaker ( ดีมาก ๆ )
Bluetooth 5.3 | USB Type-C 2.0 | Wifi6e
Battery 5200mAh | 100W Wired charge | 66W Wireless Charge
WHAT'S IN THE BOX : อุปกรณ์ภายในกล่อง
เครื่อง HONOR 200 Pro 5G
100W Adapter Charge | USB-C Cable
Protection Case Transparent
Protection Film
Sim Card Ejector
Manual Guide
DESIGN : การออกแบบ
ในเรื่องของการออกแบบ สมาร์ทโฟนของทาง HONOR 200 Pro 5G ถ้าเราดู เปรียบเทียบกับ Model อื่น ๆ ของทาง HONOR ที่วางจำหน่ายในปีนี้ เราจะเห็นได้เลยว่า HONOR 200 Series ทั้ง 2 รุ่น ตั้งแต่ ตัว ธรรมดา และ ตัว Pro จะค่อนข้างมีการออกแบบที่มีเอกลักษณ์มาก ซึ่งไม่ใช่แค่กับในแบรนด์ตัวเอง แต่รวมไปถึง Overall ของตลาดสมาร์ทโฟนด้วย
สีตัวเครื่องที่แก้วนำมารีวิวให้ดูจะเป็นสีดำนะครับ ลักษณะของฝาหลังที่วัสดุเป็นกระจก จะค่อนข้างคล้าย ๆ กับ AG Glass คือ จะมีผิวสัมผัสแบบด้าน ตอนจับก็จะเนียน ๆ นิ้วหน่อย และป้องกันรอยนิ้วมือได้ดีในระดับหนึ่งเลย
สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดในการออกแบบ ก็คือ ตัว Module กล้อง ที่มีการนำแรงบันดาลใจ มาจาก สถาปัตยกรรม ชื่อดังจากเมือง Barcelona ประเทศ Spain ก็คือ " Casa Mila " นั่นเอง ซึ่งจะเป็นอาคารที่ออกแบบโดย Antoni Gaudi ซึ่งโด่งดังมาก ๆ ในยุค 80 ตอนปลาย จนถึง ต้น ๆ ของยุค 90 ครับ โดยเขาหยิบ ส่วนพื้นที่ภายในตัวอาคาร Casa Mila ที่จะเป็นช่องเปิดโล่งขึ้นด้านบน เป็นวงรี มาใช้เป็น Shape Module กล้อง โดยรอบมีการวางกรอบโลหะ สะท้อนแสงที่สวยลงตัวดี และการจัดเรียงตำแหน่งของกล้อง กับ Flash LED ที่เป็น Symmetrical Design ก็คือสัดส่วนบนล่างจะสมมาตรกัน พร้อมบอกขนาด Sensor เอาไว้ด้านล่าง
การจับถือของ HONOR 200 Pro ต้องบอกว่า ค่อนข้างน่าประทับใจมาก เพราะถึงแม้จะเป็นสมาร์ทโฟนที่จอใหญ่ แบตเตอรี่ความจุเยอะ แต่สามารถคุมน้ำหนักมาได้ไม่เกิน 200g และ ความบางตัวเครื่องเพียงแค่ 8.2mm เท่านั้น Grip ในการจับถือ ทั้งแนวตั้ง แนวนอน ดีมาก นิ้วไม่เบียดกล้อง ไม่บังลำโพง
Frame ตัวเครื่องของ HONOR 200 Pro ยังคงใช้วัสดุที่เป็น Plastic แข็งอยู่ แต่ว่าสิ่งที่ทำได้ดีคือ Shape ของเหลี่ยมมุม และผิวผัสเนื้อวัสดุ ทำออกมาได้ใกล้เคียงโลหะมาก คือ ถ้าเราไม่สังเกตเรื่องเสาสัญญาณ เราอาจจะคิดว่า มันเป็นโลหะจริง ๆ ก็ได้
ด้านล่างของตัวเครื่อง จะเป็นที่อยู่ของ Port USB-C ถาดใส่ Sim แบบ Dual Sim ไมโครโฟน และ ลำโพง ส่วนด้านบน ก็จะมี IR Blaster ไมโครโฟน และ ลำโพงอีกหนึ่งตัว ซึ่งตำแหน่งลำโพงคือ วางมาได้ดีมาก ๆ เสียงตัวลำโพงก็ดี มิติเสียงกว้าง เน้นเสียงกลาง เสียง Bass แต่เสียงแหลม เวลาเปิดดัง อาจจะมีสูญเสียรายละเอียดได้บ้างนะครับ
DISPLAY : หน้าจอแสดงผล
เรามาดูกันในด้านของหน้าจอกันบ้างนะครับ หน้าจอของ HONOR 200 Pro จะมีขนาดอยู่ที่ 6.78 นิ้ว รูปแบบหน้าจอจะเป็นแบบ Quad Curved Display ซึ่งข้อดีก็คือ มีหน้าสัมผัสในการใช้งานมากขึ้น โดยที่จะมี Screen to body ratio ที่ 90.8% แต่ยังสามารถรักษา ความหรูหรา และความสบายนิ้ว เวลาที่เราใช้งาน Gestures ตามขอบจอได้เหมือนเดิม
Panel หน้าจอของ HONOR 200 Pro จะใช้เป็น AMOLED ที่มีขอบเขตอยู่ที่หนึ่งพันล้านสี ของรับ Content ที่เป็น HDR ในทุก ๆ Platform สามารถใช้งานในการรับชม Content เต็ม Resolution สูงสุด 4K ได้ทุก Platform เช่นเดียวกันครับ
ในแง่ของการแสดงผล ต้องบอกว่า ด้วย ppi ของหน้าจอที่ให้มามากถึง 437ppi ทำให้การแสดงผล เวลาเราใช้งานทั่วไป ใช้ในการแสดงผลภาพถ่าย ไปจนถึงการดู Content ต่าง ๆ จะให้รายละเอียดที่ดีมาก ๆ เอาจริง ๆ นะ เรื่องหน้าจอ น่าจะเป็นจุดที่มีความใกล้เคียงเรือธงราคาไม่ข้าม 30,000 บาท หลายตัวในปีนี้ที่สุดแล้ว
ทีนี้ในเรื่องของการใช้ Touch หน้าจอ เป็นหน้าจอของ สมาร์ทโฟนระดับกลางที่ Touch ติดนิ้ว ลื่นไหล เป็นอันดับต้น ๆ เลยจริง ๆ Animation ของ MagicOS 8.0 ที่ค่อนข้างกระชับ ในอืดอาด และตามนิ้วได้ดี เวลาที่เราใช้งาน Social Media หรือ เลื่อนอ่าน Feed ข่าวต่าง ๆ ให้ประสบการณ์ที่ไม่ติดขัดอะไรเลย
ถ้าจะมีจุดไหนที่รู้สึกว่า ไม่ค่อยชอบ ก็คงจะเป็น Optical Fingerprint Scanner ที่แอบจะวางตำแหน่งมาต่ำไปนิดหนึ่ง ยิ่งมาเจอกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ 6.78 นิ้วแล้ว คนที่มือเล็ก ๆ ต้องมีการเอื้อมลงมากดค่อนข้างไกล
Magic Capsule ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตา กันมาจาก HONOR Magic ก็มีมาให้ในรุ่นนี้เช่นกัน
พวก Features อื่น ๆ ของตัวหน้าจอที่แก้วอยากแนะนำก็คงจะเป็น ตัว Video Enhancer ที่เราปรับสีสัน ความคมของภาพ ในแต่ละ Platform Streaming ไปจนถึง Social Media บางตัว ให้แสดงผลได้สวยงามมากขึ้น มีสีสันที่อิ่ม Contrast ที่สวยกว่าเดิม ( ปรับแค่เฉพาะส่วน Content นะครับ UI ไม่ปรับ ) นอกจากนั้น Features Standard อย่างพวกปรับโทนสีหน้าจอก็มีมาให้เหมือนเดิม
จุดที่เป็น Highlight ที่สุดของหน้าจอตัวนี้ ก็คงจะไม่พ้น Peak Brightness หรือความสว่างหน้าจอสูงสุด ที่เขาให้มาถึง 4000nits เมื่อเราใช้งาน HDR แต่ว่าถ้าเราใช้งานทั่ว ๆ ไป ตัว HBM แก้วไม่ทราบตัวเลขชัด ๆ แต่จากที่ลองเปรียบเทียบกับ แบรนด์เจ้าตลาดเรื่องจอ ไม่รู้สึกว่าด้อยกว่าแต่อย่างใด โดยที่แสงหน้าจอจะเริ่ม Drop เมื่อเราใช้งานกลางแจ้งเกิน 15 นาทีขึ้นไปครับ ( อุณหภูมิเฉลี่ย 37 C )
PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ
ตอนที่แก้วเริ่มวางแผนจะทำรีวิว HONOR 200 Pro เครื่องนี้ ต้องบอกว่าแก้วไปทำการบ้านเรื่องกล้องมา
ซะเยอะ พอกลับมา Test การใช้งานที่เป็น Daily use แล้วก็รู้สึกแปลกใจว่า ทำไมมันถึงลื่นจัง ใช้ App เยอะ ๆ ก็ยังลื่น
พอมาดูตัว SoC เท่านั้นแหละ อ๋อ Snapdragon 8s gen 3 ที่ช่วงหลัง ๆ มาฮอตฮิต เป็นที่นิยมของสมาร์ทโฟนรุ่นที่ออกมาใหม่มากมาย เพราะจุดเด่นในเรื่องของความแรง และการประหยัดพลังงาน ที่มาควบคู่กันได้เป็นอย่างดี ถ้าเรื่องการใช้งานทั่ว ๆ ไป ใช้ทำงาน ตอบแชท ดูหนังฟังเพลง ตอบสนองเราได้ดีอยู่แล้ว เปิด App ทิ้งไว้หลาย ๆ อันก็ไม่รู้สึกว่ามีอาการหน่วงอะไรเลย
หรือเวลาที่เอาไปดู Content ที่เป็น Resolution สูง ๆ เช่น 4K HDR 60fps ที่สมาร์ทโฟนบางรุ่นที่ใช้ SoC ระดับกลางหลาย ๆ ตัว เปิด Video ขึ้นมาแล้วกระตุก แต่เครื่องนี้สามารดูได้อย่างลื่นไหลเลย
เรื่องหนึ่งที่ไม่พูดไม่ได้จริง ๆ ก็คือ ตัว Chipset C1+ ที่จะเป็น radio frequency chipset ที่ช่วยจับสัญญาณการเชื่อมต่อไร้สายให้เสถียรยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากที่ได้ลองมาแล้ว ก็เสถียรขึ้นมากจริง ๆ ทั้ง Wifi และ 5G
ทีนี้สำหรับในเรื่องของการเล่นเกม เป็นอีกเรื่องที่ HONOR 200 Pro ทำ Performance ในภาพรวมออกมาได้ค่อนข้างดี อย่างเกมที่แก้วเล่นอยู่ตอนนี้ก็จะเป็น Night Crows และ Tarisland ซึ่งทั้ง 2 เกม เป็น MMORPG ที่ใช้ Unreal Engine ในการสร้างขึ้นมาทั้งคู่
ตัว Graphic Setting ที่เราสามารถปรับได้สูงสุด คือ ระดับ Ultra ทั้ง 2 เกม แต่ถ้าเราต้องการจะเล่นต่อเนื่องนาน ๆ โดยอยากให้มันมีความลื่นไหลที่ดีอยู่เสมอ ไม่อารมณ์สะดุด แก้วแนะนำให้ ลด Setting ลงมา เหลือ High จะกำลังดี
ระหว่างการเล่นต่อเนื่องที่แก้วลองประมาณ 1-2 ชั่วโมง ถือว่า ทำได้ดีมากนะ คุมความร้อนตัวเครื่องได้ไม่เกิน 41 องศา ในห้องที่เป็นอุณหภูมิห้อง ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ และจะใช้ Battery โดยเฉลี่ยไปที่ 12% - 13% ต่อชั่วโมง
ที่นี้ในเรื่องของ Battery Life เป็นยังไงบ้าง ? พอเปลี่ยนมาใช้ Silicon Carbon ในการผลิต Battery น้ำหนักก็เบาลงเยอะ และมีปริมาณความจุที่สูงขึ้น ชาร์จได้เร็วขึ้น แก้วได้ลองเอาไปใช้งานเป็นเครื่องหลักมายาว 2 สัปดาห์ Screen on time ที่ทำได้คือ 8 ชั่วโมงครึ่งขึ้นไป สำหรับวันที่ใช้งานเบา ๆ ไม่ได้หนักมาก และประมาณ 8 ชั่วโมง สำหรับวันไหนก็ตามที่มีการใช้กล้องถ่ายภาพเยอะ หรือเปิดแสงหน้าจอเยอะ ซึ่งถ้าสังเกตดี ๆ เราจะเห็นว่า % การใช้งานแบตเตอรี่ วันที่ใช้เบา ๆ กับ ใช้หนัก ไม่ได้ห่างกันมาก
OVERVIEW & OPINION
HONOR 200 Pro ในมุมมองของแก้ว เป็นสมาร์ทโฟนในระดับ Premium Midrange ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดประเทศไทย ณ ช่วงกลางปี 2024 แบบนี้ เราได้ Design ที่ดูเรียบง่าย แต่หรูหรา มี Story Telling ที่น่าสนใจ นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพที่ไม่ได้ธรรมดา ทั้ง Hardware และ Software
กล้องหลัก และกล้อง Telephoto 2.5x คือ คู่ขวัญของรุ่นนี้ เพราะนอกจากจะมี Process ตัวไฟล์ภาพที่ใกล้เคียงกัน Performance ของ Software ต่าง ๆ ตั้งแต่การวัดแสง และ White Balance ก็ทำได้ดีมากในกล้องทั้ง 2 ตัวนี้ ทั้งให้ ทั้งการถ่ายภาพ ทั่ว ๆ ไป และการถ่ายภาพ Portrait นั้น เราจะได้คุณภาพไฟล์ที่ดีใกล้เคียงกัน
อีกหนึ่งจุดเด่นก็คือ การไป Collaboration กับ Harcourt Studio ที่เป็น Studio ถ่ายภาพ Portrait ชื่อดังของประเทศฝรั่งเศษ ผ่านประสบการณ์ในการจัดวางแสงและเงามาเป็นอย่างดี ซึ่งทาง HONOR ก็ได้เอาเทคนิคเหล่านี้มาใช้งานในการออกแบบ ลูกเล่นของ Portrait Mode ซึ่งถือว่า แปลกตา และมีเอกลักณษณ์ดีใช้ได้
ปิดท้ายกันด้วย Performance ตัวเครื่องที่ได้ SoC Snapdragon 8s gen 3 มาประจำการ ทำให้การใช้งานแบบ Daily use เบา ๆ การใช้งานกล้องหนัก ๆ ไปจนถึงการเล่นเกม HONOR 200 Pro ให้ประสบการณ์ที่ลื่นไหล นอกจากนั้น AI Features ที่อยู่ใน MagicOS 8.0 ตัวนี้ก็ทำงานได้ดีแบบประทับใจเลยครับ
ราคา และช่องทางการจัดจำหน่าย HONOR 200 Pro Series 5G
HONOR 200 | 12GB + 256GB ราคา 14,990 บาท
HONOR 200 Pro | 12GB + 512GB ราคา 19,990 บาท
HONOR 200 วางจำหน่ายแบบ Pre-order ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน – 5 กรกฏาคม 2024 ถ้าจับจองภายในระยะเวลาเปิด Pre-order
HONOR Earbuds X6 มูลค่า 1,699 บาท
HONOR Watch GS3 มูลค่า 5,999 บาท
ส่วน HONOR 200 Pro วางจำหน่ายในรูปแบบ Pre-order ในวันและเวลาเดียวกัน แต่จะได้ของแถมดังนี้
HONOR Wireless Charger 100W มูลค่า 2,499 บาท
HONOR Watch G3 มูลค่า 5,999 บาท
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]
IG : kaew.ravie
Comments