สวัสดีครับทุกคนกลับมาเจอกับแก้ว และ Smartphone จากทาง vivo กันอีกครั้งนะครับ วันนี้แก้วอยู่กับ Series สุด Hot ตัวใหม่ vivo V25 Pro 5G นั่นเอง มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด 64MP อัพ Design เครื่องให้หรูหรา หน้าจอให้ลื่นเนียนตา มาก ๆ แล้วอย่างอื่นล่ะ มีอะไรน่าใช้กว่ารุ่นน้อง V25 5G ไหม ? ไปดูรีวิวกันครับ
SPECIFICATION
CPU : Dimensity 1300 5G
RAM 12GB + 8GB | 256GB UFS 3.1
Display : 6.56-inch AMOLED | FHD+ | 120Hz
Operation system : Funtouch OS 12 | Android 12
Mono Speaker
Bluetooth 5.2 | USB Type-C 2.0 OTG | Wifi6
Battery 4830mAh | 66W vivoFlashCharge
WHAT'S IN THE BOX : อุปกรณ์ภายในกล่อง
- เครื่อง vivo V25 Pro 5G
- 66W Adapter Charge | USB-C Cable
- Protection Case Transparent
- Protection Film
- Sim Card Ejector
- Manual Guide
- USB-C Earphone | USB-C Dongle
DESIGN : การออกแบบ
vivo V25 Pro 5G ถือว่าเป็นรุ่นแรกของทาง V-Series ที่ vivo ได้หยิบ Element ในการออกแบบ Smartphone จากระดับ Flagship ของค่ายอย่าง X-Series มาผสมในรุ่นนี้ได้ค่อนข้างลงตัว และดู Premium ขึ้นมาเลยทีเดียวครับ จุดแรกเลยก็คือ ตัวเครื่องที่ Curve เข้าหากัน ทั้งฝาหลัง และหน้าจอ โดยจะมีความหนาตัวเครื่องเพียงแค่ 8.6 มม. เท่านั้นเองครับ
จุดแรกที่แก้วอยากให้ดูเลยก็ บริเวณด้านบนของตัวเครื่อง V-Series รุ่นนี้ได้มีการใส่ Choker คำว่า Professional Photography เข้ามาด้วย ถึงจะแอบรู้สึกแปลก ๆ ว่าน่าจะ สงวนสิ่งนี้เอาไว้ให้กับ X-Series หรือเปล่านะ ? แต่ใดใดก็คือ มีแล้วก็สวยดีครับ
ฝาหลังของ vivo V25 Pro 5G ตัวนี้ใช้วัสดุเป็นกระจก ที่มีผิวสัมผัสเป็นลักษณะแบบด้านช่วยป้องกันรอยนิ้วมือได้ดี และสีของฝาหลังที่แก้วได้มาทำรีวิวให้กับทุกคนได้ดูนั้น จะเป็นสีที่มีชื่อว่า Surfing Blue ซึ่งปกติแล้ว จะเป็นสีฟ้าอ่อน ๆ คลีน ๆ แต่พอโดนแดด เฉดของสีฟ้าจะเปลี่ยนไป เป็นสีฟ้าน้ำทะเลแทน สวยมาก ๆ
ในส่วนของการจัดวาง Module กล้องนั้น ถ้าดูแบบผิวเผิน เราก็จะรู้สึกว่า มันค่อนข้างจะคล้ายกันมาก ๆ แต่ถ้าเราสังเกตดี ๆ แล้ว จะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างจาก vivo V25 5G ก็คือ ตำแหน่งการจัดเรียงชุดกล้องนั่นเองครับ ดูไปดูมา แอบจะไปคล้ายรุ่นน้องเมื่อช่วงต้นปี อย่าง vivo V23 5G มากกว่า
บริเวณด้านล่างก็จะเป็นที่อยู่ของ Port USB-C และ ช่องลำโพง ซึ่งเป็นลำโพงแบบ Mono นะครับ คุณภาพก็ถือเสียงดีใช้ได้ แต่ Bass อาจจะไม่ได้หนักมาก บริเวณข้าง ๆ ก็จะมีถาดใส่ซิม แบบ Dual Mode อยู่ด้วยครับ
DISPLAY : หน้าจอแสดงผล
vivo V25 Pro 5G มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.56 นิ้ว ซึ่ง จะมีขนาดใหญ่กว่า vivo V25 5G อยู่เล็กน้อยนะครับ สำหรับคนที่ชอบใช้งาน Smartphone มือเดียว อาจจะมีบางจุดที่ต้องเอื้อม ๆ นิ้วกันบ้างแล้ว Panel หน้าจอจะเป็น AMOLED | Refresh Rate 120Hz และมี Resolution อยู่ที่ FHD+
ในเรื่องของคุณภาพหน้าจอนั้น ดีขึ้นกว่าใน vivo V25 5G แบบรู้สึกได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบการจัดวางกล้องหน้าที่เป็น Punch Hole Design ไม่เกะกะสายตา และขอบหน้าจอที่บางเฉียบ เหมือน vivo X-Series เลย การแสดงผล Content และสิ่งต่าง ๆ บนหน้าจอให้โทนสีที่ดูสดกว่า vivo V25 5G อยู่เล็กน้อย
และอีกหนึ่งเรื่องที่แตกต่างกันชัดเจนทีเดียว ก็คือ เรื่องของการ Touch หน้าจอตัวนี้ติดนิ้วกว่า vivo V25 5G แบบสัมผัสได้ และยังมีค่า Refresh Rate 120Hz อีก เลยทำให้การใช้งานหน้าจอตัวนี้ ค่อนข้างจะสู่สีกับหน้าจอของ vivo X-Series ในปีก่อน ๆ เลย
อีกหนึ่งจุดที่ต้องชมครับ นั่นก็คือ ความสว่างสูงสุดของหน้าจอตัวนี้อยู่ที่ 1,300 nits ซึ่งสูงพอจะไปเทียบกับหน้าจอในระดับ Flagship ได้แล้ว และในการใช้งานจริงนอกบ้าน หรือเวลาที่เราออกไปถ่ายภาพนอกบ้าน แสงหน้าจอก็สว่างพอจะสู้แดดในเวลากลางวันได้สบาย ๆ
CAMERA : กล้องถ่ายภาพ
เรามาต่อกันที่เรื่องของกล้องถ่ายภาพกันดีกว่าครับ ใน vivo V25 Pro 5G ชุดกล้องหลัง จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 ตัว และกล้องหน้าหนึ่งตัว มีความคล้าย และความแตกต่างจากใน vivo V25 5G อยู่เล็กน้อยนะครับ
- Main Camera 64MP | f/1.9 | 25mm | Sensor S5KGW1
- Ultra Wide Angle 8MP | f/2.2 | 16mm | Fix Focus
- Macro Camera 2MP | f/2.4
- Front Camera 32MP | f/2.0
พอเราดู Detail ของตัว Spec ของกล้องแล้วเราก็จะรู้สึกว่า ทำไม Setup ของกล้องใน vivo V25 Pro 5G มันแอบจะดูด้อยกว่า vivo V25 5G ในเรื่องของกล้องหน้าที่ได้ความละเอียดมากกว่า แต่จากที่แก้วใช้งานมา เหมือนเขาไป Trade off หรือไปแลกกันที่ กล้องหลัก vivo V25 Pro 5G มีคุณภาพที่สูงกว่าแทนครับ
MAIN CAMERA : กล้องหลัก 64MP
กล้องหลักของ vivo V25 Pro 5G ตัวนี้ ที่ใช้ Sensor จากทาง Samsung ตัว S5KGW1 ความละเอียดภาพสูงสุด 64MP ที่มีการปรับปรุงมาจาก GW1 ที่ออกมาในช่วง 2020 ตัว Character ของภาพถ่ายที่ได้ในกล้องตัวนี้ มีความแตกต่างจาก vivo V25 5G อยู่พอสมควร
ลักษณะภาพที่ได้จาก Mode auto ทั่วไปนั้น ตัวกล้องมีความพยายาม จะใช้ Software HDR เข้ามาช่วยในการ ขยาย Dynamic Range มากกว่า vivo V25 5G รุ่นน้องใน Series อยู่เยอะพอสมควร ทำให้ภาพที่ถ่ายมาได้นั้น จะมี Dynamic Range ที่กว้างมาก ๆ ในบางภาพแอบรู้สึกว่ากว้างเกินไปด้วยซ้ำ
แก้วเลยทดลองถ่ายภาพด้วยการปิด Software Auto HDR ออกไป ช่วยให้ภาพได้ความรู้สึกที่เป็น ธรรมชาติมากขึ้นกว่าเดิมเยอะสมควร ส่วนของเงายังคงมี Dynamic Range ที่ค่อนข้างโอเคอยู่ แต่ Shadow ไม่ได้ถูกงัดขึ้นมา จนเรารู้สึกว่าภาพมันแบน
ในเรื่องของ White Balance ค่อนข้างทำได้น่าประทับใจมาก ๆ ครับ เพราะว่า เวลาเจอสภาพแสงที่มีความแตกต่างสูง ก็ยังสามาถควบคุมสีให้มีความตรงได้อยู่ อาจจะไม่หลุด ๆ บ้างในที่แสงน้อย แต่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครับ และ Depth of field ที่สามารถละลายฉากหลังได้โอเค
การใช้งานในการถ่ายภาพแบบ Crop on sensor 2x คือ จุดที่ค่อนข้างหน้าสนใจ เพราะว่า Software ที่ใส่มาในรุ่นนี้สามารถที่จะประมวลผลภาพ รักษาคุณภาพของไฟล์ภาพที่แม้จะผ่านการ Crop 2 x มาก็ตาม ให้ได้คุณภาพที่ยังใช้งานได้ดีอยู่ เมื่อนำไปเปิดบน Display ที่มีความละเอียดสูงได้เป็นอย่างดี
ปกติแล้วที่แก้วเจอมาตลอดปีนี้ เวลาที่เราใช้ Crop on sensor ตัว Software ของกล้อง Smartphone ส่วนใหญ่จะพยายามใส่ Clarity หรือเพิ่ม Sharpness เข้าไปให้ภาพมันดูคมขึ้น แต่มันขาดความเป็นธรรมชาติไปพอสมควร แต่ใน vivo V25 Pro 5G จัดการเรื่องนี้มาได้ในะดับที่กำลังดี
ใครที่ไม่ชอบความ Wide ของกล้องหลัก ที่อาจจะทำให้สัดส่วนภาพดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือต้องการ Compose ในลักษณะแบบกล้อง 2x กด Crop Zoom ใน กล้องตัวนี้ได้แบบสบายใจได้เลย การันตีว่า แทบไม่ต่างจาก 1x เลย
ซึ่งเมื่อเรานำกล้องตัวนี้มาใช้งานถ่ายภาพใน Mode Hi-Res 64MP สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจน และค่อนข้างน่าสนใจก็คือ เวลาที่เราใช้ Mode Hi-Res ใน Smartphone ระดับกลางทั่ว ๆ ไป HDR จะไม่สามารถที่จะทำงานควบคู่กันไปได้ แต่ใน vivo V25 Pro 5G ตัวนี้ เราสามารถใช้ Mode Hi-Res ได้อย่างไม่เคอะเขินแล้วครับ คุณภาพใช้งานได้จริง
PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล
เรามาต่อกันที่เรื่องของการถ่ายภาพ Portrait กันนะครับ สำหรับ Software ช่วยเหลือ ลูกเล่นในการถ่ายภาพ Portrait นั้น เหมือนกับใน vivo V25 5G ตัวรุ่นน้องเลยครับ ทั้ง Beauty Mode ทั้ง ลูกเล่น Bokeh เหมือนกันทั้งหมดเลย
ถ้าถามเรื่องความแตกต่างนั้นมีไหม ? ก็ต้องบอกว่า มีครับ สิ่งที่ค่อนข้างชัดเจนเลยก็คือ Software ในการทำ Bokeh มีความแม่นยำในเรื่องของการตัดขอบมากขึ้น ในแทบจะทุกสถานการณ์ ทั้งสภาพแสงปกติ สภาพแสงที่มีความซับซ้อนสูง รวมไปถึงที่แสงน้อยก็ยังทำได้ดีอยู่
ความฉลาดในการวัดระยะในการสร้างมิติภาพ ทั้ง Foreground และ Background ค่อนข้างทำได้ฉลาด และแม่นยำมากทีเดียว นี่ถ้า vivo V25 Pro 5G ตัวนี้มีเลนส์ Telephoto 2x มาให้ด้วยนะ ถ่ายสนุกกว่านี้มาก แน่ ๆ เลยครับ
การถ่ายภาพ Portrait แบบย้อนแสงก็ไม่ต้องกลัวว่า หน้าจะมืดครับ เพราะว่ามี Software HDR ที่จะทำงานในโหมดนี้ควบคู่กันไปด้วย ช่วยให้ Detail รายละเอียดในส่วนของตัวแบบนั้น ยังเก็บไว้ได้อย่างครบถ้วน
สำหรับระบบโฟกัสใน vivo V25 Pro 5G นั้น จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 ระบบได้แก่
Body tracking Autofocus
Eye Autofocus
โดยแต่ละตัวจะทำงานในระยะมุมมองภาพที่ต่างกัน ถ้าถ่ายครึ่งตัว เต็มตัว Body tracking auto focus จะทำงานก่อน เพื่อจับร่างกายตัวแบบให้เข้าโฟกัส และเมื่อเราเคลื่อนกล้องเข้ามาใกล้ จนเห็นดวงตา กล้องก็จะสลับเข้าไปที่ Eye Autofocus แทนครับ
เวลาที่เราถ่ายภาพ Portrait ในระยะเต็มตัว หรือ ระยะที่ค่อนข้างกว้าง การละลายฉากหลังนั้น Software จะมีการช่วยปรับการไล่ระดับการเบลอ ไม่ให้ดูลอย หรือว่าดูเบลอเยอะจนดูผิดธรรมชาติได้ค่อนข้างดี และแม่นยำกว่าใน vivo V25 5G อยู่พอสมควร
ยิ่งถ้าเรารู้จักการวางทิศทางแสง ที่ช่วยสร้างมิติให้ตัวแบบ และแยกตัวแบบออกจากฉากหลังได้ชัดเจน โดยที่เราจะมองเห็นการไล่ระดับการเบลอที่ดูสวยงามไม่แพ้กับ vivo X-Series ได้อย่างชัดเจนเลยครับ
พวกลูกเล่น Filter สำหรับ Portrait ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มมาให้เราใช้งานในการถ่ายภาพกับอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นแบบ Vintage Film ที่ให้ความ Classic เท่ ๆ
หรือจะเป็น Filter ฟุ้ง ๆ ชวนฝันสไตล์เกาหลีก็มีมาให้เช่นเดียวกันครับ แทบจะยกมาจาก vivo X-series
ULTRA WIDE ANGLE : กล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP
กล้อง Ultra Wide Angle 8MP ตัวนี้ยังคงเป็นกล้องที่แก้วรู้สึกว่า ธรรมดา ถึงแม้ว่าจะพอมองออกว่าเขาพยายาม Fine Tuning กล้องตัวนี้มาให้ดีขึ้น กว่า vivo V25 5G แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกได้ถึงความต่างขนาดนั้น
คุณภาพของรายละเอียดภาพที่ได้นั้น ถ้าสภาพแสงเอื้ออำนวย จะให้รายละเอียดของภาพที่ค่อนข้างโอเค การเปิด HDR ช่วยนั้น ไม่ควรจะใช้ในกรณีที่ แต่ละส่วนของภาพมีความต่างเรื่องสภาพแสงที่มาก เพราะ HDR จะดึงแสงในส่วน Shadow ขึ้นมาเยอะ จนเกิด Noise ได้ง่าย ๆ เลย
เรื่องของ Distortion และอาการขอบภาพฟุ้ง ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง ในสภาพแสงที่แสงน้อย แต่ปัญหาพวก ขอบม่วง ขอบเขียว ที่มาจาก Coating ตัวเลนส์ที่ไม่ดีนั้น ตัวนี้ไม่เจอเลย รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ จัดการมาได้ดี
กล้องตัวนี้เวลาที่เราใช้งานในที่ที่แสงน้อย ต่อให้เราไม่ได้เข้า Night Mode เมื่อ Software ของตัวกล้อง Detect ได้ว่า สภาพแสงแบบนี้ Mode auto ไม่รอดแน่ ๆ กล้องจะมีการลากชัตเตอร์สั้น ๆ ไม่ถึง 1 วินาที เพื่อรับแสงเข้ามาให้มากกว่าเดิม ช่วยให้ได้ภาพที่สว่างขึ้น แต่อย่าคาดหวังถึงรายละเอียดเล็ก ๆ เวลาเราซูมเข้าไปดูนะครับ ได้แค่ ภาพรวมของภาพทั้งหมดเท่านั้น
MACRO PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพมาโคร
การถ่ายภาพ Macro ใน vivo V25 Pro 5G นั้น ก็ตามคาดครับ คุณภาพของกล้อง Macro อยู่ในระดับธรรมดา ๆ ไม่ได้มี Quality ที่สูงอะไร เจอแสงน้อย ๆ เข้าไปนี่ จบเลยครับ แต่เวลากลางวันก็พอจะใช้งานได้อยู่ แก้วว่ากล้องตัวนี้ เราเอาไว้ส่องดูรายละเอียดพอใช้ได้ครับ แต่ถ้าจะกดชัตเตอร์แล้วหวังจะเอาภาพไปใช้งานต่อจริง ๆ ก็ยังไม่ไหวเหมือนเดิม
แก้วยังแนะนำเสมอ ว่าให้ใช้ กล้องหลัก 64MP ตัวนี้ Crop 2x on sensor จะถ่ายได้ง่ายกว่า
และให้ผลลัพธ์ ของคุณภาพไฟล์ที่ได้สามารถจะเอาไปใช้งานต่อได้สบาย ๆ เปิดบนหน้าจอความละเอียดสูง ๆ ไหวแน่นอนครับ
FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 32MP
ถึงแม้ว่ากล้องหน้าตัวนี้นั้น จะไม่ได้จัดเต็มเรื่องของความละเอียดภาพมาให้สู้กับรุ่นน้องใน Series ตัวเองได้ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นกล้องหน้าที่แย่นะครับ แก้วรู้สึกว่ากล้องหน้าตัวนี้ คล้าย ๆ กับที่อยู่ใน vivo X70 Series เมื่อปีที่แล้วเลย และยังรองรับ HDR ในกล้องหน้าด้วยนะครับ
ทั้งเรื่องขององศาการรับภาพ Software Beauty ต่าง ๆ ถ่ายออกมาแล้วมีความคล้ายกันมาก ๆ การปรับหน้าเนียนที่ไม่ได้ลบรูขุมขน กับ Texture ของผิวจนดูลอย ก็ยังทำได้ดีเช่นเดียวกัน แต่โดยภาพรวมแล้ว สไตล์ภาพในกล้องหน้านั้น ค่อนข้างแตกต่างไปจาก vivo V25 5G อยู่พอสมควรเลยครับ
การตัดขอบและละลายฉากหลัง ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยนะครับ การเบลอฉากหลังก็สวยใช้ได้เลย แต่ไม่ควรปรับ f/stop ต่ำกว่า 2.8 นะครับ เพราะฉากหลังจะค่อนข้างเบลอมากจนลอยแล้ว ส่วนใหญ่แก้วจะใช้ที่ f/stop 4 จะกำลังดี
Filter สีสัน และ Make up สไตล์ ก็มีมาให้แบบจัดเต็ม สไตล์ vivo ซึ่งแก้วไม่เคยจะได้ใช้ครบทุกอันเลย เยอะจริง ๆ ใครว่าง ๆ อยาก Selfie ตัวเองเล่น รับรองว่ามีอะไรให้เล่นไปอีกนานเลยกว่าจะเบื่อ
NIGHT TIME PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพกลางคืน
มากันถึงจุดที่ vivo V25 Pro 5G จะฉายแสง ความแตกต่างจากรุ่นน้องออกมาอย่างชัดเจนสักทีนะครับ เพราะว่า ตัวนี้ถ่ายภาพกลางคืน และที่แสงน้อยได้ดีมาก ๆ คือ ลักษณะในการ Process ภาพของ Night Mode มันไม่ใช่แค่เอาภาพต่างสภาพแสงมาซ้อนกันเฉย ๆ
แต่มันมีการลดชัตเตอร์สปีดลง เพื่อที่จะเก็บแสง และรายละเอียดเข้ามาให้ได้มากที่สุดควบคู่กันไปด้วย ทำให้ภาพที่ได้นั้นจะมีความสว่าง สวยงาม โดยที่ Software ไม่จำเป็นจะต้องอัด Clarity หรือ Sharpness เข้ามาเลย
และ Night Mode ก็ยังสามารถใช้ Crop on sensor ในการถ่ายได้ด้วยนะครับ อันนี้แบบ ดีมากจริง ๆ เพราะเราสามารถจะ Frame Compose ภาพที่เราต้องการได้ โดยที่ไม่สูญเสียรายละเอียดไปมากมายนัก เหมือนกับการมีกล้อง Telephoto 2x ให้ใช้เลย
และที่สำคัญที่สุด vivo V25 Pro 5G มีโหมด Long Exposure เหมือนใน vivo X-Series มาให้ด้วยนะครับ อันนี้ต้องปรบมือ ทั้ง Mode Traffic Trail | Light Graffiti | Silky Water , Crowded people , แม้กระทั่งถ่ายเส้น ดาวหมุน ก็ยังมีให้
เหมือนเขารู้สึกว่าข้อจำกัดของปีนี้ คือ Hardware ที่ทุกแบรนด์เจอเหมือนกัน เขาเลยเลือกที่จะใส่ Software ที่เขาพัฒนาขึ้นมา มาทดแทนในส่วนนี้ไปแทน ซึ่งแก้วว่าเป็นจุดที่ดีค่อนข้างจะแฟร์กับผู้ใช้งานด้วย
VIDEOGRAPHY การถ่ายวีดีโอ
vivo V25 Pro 5G มาพร้อมกับ Feature ในการถ่าย Video กล้องหลังที่ค่อนข้างครบครัน ทั้งความละเอียดสูงสุดที่ 4K 60fps โดยที่สามารถเปิดกันสั่น แบบ Normal ควบคู่กันไปได้ และค่อนข้างนิ่งมากเลย เมื่อเทียบกับ Smartphone ในระดับเดียวกัน ถือว่าติดอันดับต้น ๆ เลยครับ แต่กล้องหน้านั้นถ่าย Video ความละเอียดได้สูงสุดเพียง 1080p 60fps เท่านั้นนะครับ
ในเรื่องของการโฟกัสของการถ่าย Video นั้น ทั้ง Body Tracking Auto focus และ Eyes Auto focus นั้น ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในสภาพแสงที่เพียงพอ แต่จะเริ่มมีอาการ Focus ช้าบ้างเวลาที่เราถ่ายวีดีโอในที่แสงน้อย แล้วมีการเคลื่อนกล้อง พร้อมกับเปลี่ยนจุดโฟกัสไปด้วย
นอกจากนั้น ก็มี Mode ถ่ายวีดีโอแบบละลายฉากหลังที่สามารถถ่ายได้ความละเอียดสูงกว่า vivo V25 5G อยู่ที่ 1080p 24fps เท่ากับ vivo X80 Series เลย แค่รูปแบบของ Bokeh ที่ได้นั้น ค่อนข้างจะแตกต่างกันนะครับ ของ X-Series สวยกว่า
และก็ยังมี Mode Video สำหรับถ่ายในเวลากลางคืน ที่จะช่วยปรับสภาพแสงให้สว่างขึ้น ในระดับที่เท่า ๆ กัน แต่ความละเอียดของ Video นั้นจะลดลงมาเหลืออยู่ 1080p 30fps จุดที่น่าสนใจอีกหนึ่งจุดก็คือ Video HDR นั้น vivo V25 Pro 5G สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียด 4K เลย ซึ่งเยอะมาก ๆ
PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ
vivo V25 Pro 5G เลือกใช้ CPU จากทาง Mediatek อย่าง Dimensity 1300 ซึ่งเป็น CPU ในระดับกลางค่อนไปทางบน มีความสามารถในการประมวลผลภาพความละเอียดสูง 64MP และ Video 4K ได้สบาย ๆ จากที่เราเห็นกันไป และค่อนข้างจะเหลือ ๆ เลยสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน
หลังจากที่แก้วได้ใช้งาน vivo V25 Pro 5G เครื่องนี้เป็นเครื่องหลักมาตลอด 2 สัปดาห์ เต็ม ๆ การใช้งานทั่วไปนั้นยอดเยี่ยมครับ ใช้งาน Application ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการ App ค้าง App เด้งเลย เสถียรดีมาก ๆ สามารถจะเปิด 5G สแตนบายได้ตั้งแต่เช้าจนจบวัน ได้สบาย ๆ ด้วยแบตเตอรี่ 4,830 mAh
สำหรับในเรื่องของการเล่นเกม แก้วเอาไปเล่น Diablo Immortal ก็สามารถที่จะเปิด Graphic ได้สูงสุด ที่ Frame Rate 30fps ได้อย่างสบาย ๆ ในเรื่องของการ Touch ก็ทำได้ค่อนข้างจะดีกว่า vivo V25 5G ในการเล่นเกมอยู่พอสมควรเลย
อีกหนึ่งเกมที่แก้วเอาไปลองเล่นมาก็คือ MU Origin 3 สามารถจะปรับกราฟิกได้สูงสุดที่เช่นเดียวกัน แต่ถ้าเราตั้ง Frame Rate สูงสุดของเกมเอาไว้ที่ 60fps อาจจะมีลดลงได้เล็กน้อยเมื่อมีการโหลดฉากใหญ่ ๆ หรือ เล่นต่อเนื่องไปสักระยะ
และเรื่องของการจัดแบตเตอรี่นั้น แก้วว่าค่อนข้างโอเคหมด กับทุกประเภทการใช้งานครับ ด้วยความที่เป็น Smartphone ที่เครื่องที่ค่อนข้างบาง แต่เขาพยายามใส่ แบตเตอรี่มาให้เกือบ 5,000 mAh และชาร์จเร็ว 66W เท่ากับ Flagship เมื่อปีที่แล้ว ใช้เวลาในการชาร์จไม่เกิน 50 นาทีก็เต็ม คิดว่าไม่มีอะไรต้องห่วงครับ
หูฟัง vivo TWS Air | เสียงดีเหมือนเดิม เบาสบายกว่าที่เคย
นอกจากเหนือจากการที่ vivo ได้เปิดตัว Smartphone vivo V25 Series 5G ทาง vivo ยังได้นำหูฟังตัวใหม่มาเปิดตัวด้วย นั่นก็คือ vivo TWS Air นั่นเองครับ จุดเด่นของหูฟังตัวนี้หลัก ๆ เลยก็คือ ความเบาสบายใจการสวมใส่ และระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องที่ยาวนาน
งาน Design ของตัวหูฟังออกแบบมาเรียบง่าย รูปทรงของตัว Case มีความคล้ายกับ ก้อนหินทรงมน ๆ สวย ๆ ที่เราสามารถพบเห็นได้ตามธรรมชาติ ในมุมมองของแก้ว ถ้าเป็นสี Pebble Blue นี่ จะยิ่งเข้ากันกับ Design นี้มากขึ้นไปอีก และการทำสีหนา 3 ชั้น ทนทานต่อรอยนิ้วมือได้ดี
เมื่อเราเปิดฝาขึ้นมาก็จะเจอกับหูฟังทั้ง 2 ข้าง โดยแต่ละข้างจะมีน้ำหนักเพียง 3.5 กรัม เท่านั้น ทำให้สามารถสวมใส่ใช้งานเป็นระยะเวลานาน ๆ ได้สบาย โดยไม่รู้สึกเมื่อย หรือเป็นภาระ นอกจากนั้น ทรงของหูฟัง ยังสอดรับกับรูปหูของคนส่วนใหญ่ได้ดี ตัวก้านหูฟังมีขนาดสั้นลง ลดความเสี่ยงของการหลุด ระหว่างใช้งานได้ดีครับ แรงแม่เหล็กที่ดูดหูฟังเอาไว้ อยู่ในระดับที่แน่นกำลังดี แต่ยังดึงออกใช้งานได้ง่าย ด้วยมือข้างเดียวอยู่
vivo TWS Air ใช้ Dynamic Driver ขนาด 14.2mm ตัว ไดอะแฟรม ทำจากคอมโพสิตไบโอคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีน้ำหนักเบา แต่ให้ความถี่เสียงย่านกลางสูง ได้ดี นอกจากนั้น วอยซ์คอยล์ทองแดงจาก Daikoku ช่วยให้ Bass มีน้ำหนัก และมีมิติมากขึ้น
และเมื่อมาทำงานควบคู่กับ Technology DeepX 2.0 ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถปรับแต่งโทนเสียงได้อย่างอิสระถึง 3 โทน ได้แก่ Mega Bass , Clear High Pitch , Clear Voice ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว แก้วค่อนข้างจะชอบ Clear Voice มาก ๆ เวลาฟังเพลง แต่ถ้าดูหนัง เล่นเกม ก็แน่นอนว่า ต้อง Mega Bass ครับ
นอกจากนั้น ในเรื่องของการสนทนา vivo TWS Air ก็ยังมีตัวช่วยให้เวลาเราโทรศัพท์คุยกับปลายสาย ในสถานที่ ที่มีเสียงดังรบกวนเยอะ เทคโนโลยี Dual-Mic สามารถลดเสียงรบกวนขณะสนทนาลงไปได้ถึง 45%
และ สำหรับการเชื่อมต่อนั้น สามารถทำได้สะดวกมาก ๆ เพียงแค่เปิดฝาขึ้นมา กดปุ่มด้านหลังเคสทิ้งไว้ 5 วินาที ที่หน้าจอ Smartphone vivo ก็จะมี Easy connect โผล่ขึ้นมาให้เราเลยทันที และ แน่นอนว่าเรื่องความเสถียร หูฟังไร้สายจาก vivo ไม่ว่าจะตัวไหนก็ตาม ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย ใน vivo TWS Air จะได้ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.2 มา ไร้กังวลความหน่วงได้เลย
การใช้งานต่อเนื่อง และ Battery vivo TWS Air นั้น สามารถฟังเพลงต่อเนื่องยาวนาน 4.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเมื่อใช้ร่วมกับ Case Charge จะใช้งานได้ยาวนาน 25 ชั่วโมง กับการชาร์จเพียง 10 นาที สามารถใช้งานต่อได้ถึง 1.5 ชั่วโมงเลยล่ะครับ
Sound Quality & Character
ในแง่ของ Sound Character ของหูฟังนั้น ในโหมดปกติ จะเน้นในเรื่องของความใส ให้ย่านกลาง และแหลม ฟังสบาย และความที่การ Design ตัวหูฟังนั้น มี Air Flow ที่ดี ช่วยให้ตัวเสียงจะมีความสว่าง และความโปร่งค่อนข้างมาก
แต่ว่าไม่ใช่พอเอามาใช้ดูหนัง หรือ เล่นเกม ที่ต้องการ Bass หนัก ๆ ตัวนี้จะให้ไม่ได้นะครับ ทำได้ค่อนข้างดีเช่นเดียวกัน เพียงแค่เราสลับไปที่โหมด " เบสหนัก " แค่นั้นความกระหึ่มก็กลับมาพอสมควรแล้วครับ
ใครสนใจ vivo TWS Air ตัวนี้ก็สามารถไปจับจองกันได้ที่ราคา 1,999 บาท เท่านั้นนะครับ
OVERVIEW & OPINION
สำหรับ vivo V25 Pro 5G ในมุมมองของแก้วนั้น Position ในการจัดวางรุ่นนี้ค่อนข้างจะชัดเจนว่า เน้นในเรื่องของประสบการณ์ในการใช้งานตัวเครื่องที่มีความใกล้เคียงกับ Flagship ให้ได้มากที่สุด ในราคาที่ถูกกว่ากันเป็นหมื่น ทั้งหน้าจอ ทั้ง Design ตัวเครื่อง และความลื่นไหลในการใช้งานด้าน Entertainment ทำมาดีจริง ๆ จะติดก็ตรงลำโพงที่ให้มาเพียงแค่ตัวเดียว
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพนั้น Hardware ตัวกล้องหลาย ๆ ส่วนมีความคล้ายของเดิมอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น Setup ของชุดกล้องหลังนั้น ที่เหมือนกันมาก ๆ ถึงแม้ว่า Sensor ในกล้องหลัก จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ภาพรวมแล้ว Hardware ไม่ได้มีอะไรต่างขนาดนั้น ส่วนในกล้องหน้า ก็เปลี่ยนเอากล้อง 32MP เข้ามาแทน 50MP ทำให้ถ่าย Video 4K ในกล้องหน้าไม่ได้แล้วน้า
ที่นี้ถ้าเป็นในมุมของ Software กันบ้างล่ะ นี่เป็นอีกครั้งที่ vivo V-Series ได้ Feature ในการถ่ายภาพมาจาก vivo X-series เยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น Mode Long Exposure | ลักษณะในการ Process ไฟล์ภาพใน Night Mode ที่ไม่ได้ทำออกมาดูแข็งจนเกินไป และการถ่ายภาพ Portrait ที่ยังรักษามาตราฐานเอาไว้ได้ดีเหมือนเดิม
Software ในการถ่าย Video ก็ค่อนข้างจะจัดเต็มขึ้นมาก 4K 60fps พร้อมกันสั่น และยังสามารถใช้ Video HDR ได้ในความละเอียดสูงสุดอีกด้วย ส่วน Feature ในการถ่าย Video แบบละลายฉากหลังไปด้วย จากที่ทำได้แค่ 720p ใน vivo V25 5G พอเป็นรุ่น Pro ก็ขยับขึ้นมาเป็น 1080p เรียบร้อยแล้ว
กับราคาค่าตัวที่ 19,999 บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ใน Spec ที่ใกล้เคียงกัน vivo V25 Pro 5G ก็สามารถที่จะแข่งขันกันในเรื่องของราคา และ Software ในการถ่ายภาพที่เหนือกว่า ได้น่าสนใจครับ
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ] Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer IG : kaew.ravie #Mobilephotographer #โมบายโฟโตกราฟเฟอร์ #ถ่ายรูปด้วยมือถือ #vivo #vivoV25Series5G
Comments