สวัสดีครับทุกคน กลับมาเจอกับแก้ว แล้วก็ Smartphone จากทาง vivo กันอีกครั้งนะครับ วันนี้เรามาเจอ กับ vivo V30 Pro 5G กันนะครับ ซึ่งเป็นรุ่นแรกของ vivo V Series ที่มีการ Co-engineered ร่วมกับทาง ZEISS แบบเดียวกับรุ่นพี่ vivo X100 Series 5G ได้โทนสี ได้ Bokeh สวย ๆ สำหรับการถ่ายภาพ Portrait มาแบบจัดเต็ม แถม Performance ตัวเครื่องก็ได้รับการอัพเกรดขึ้นด้วย เก่งขึ้นขนาดนี้ จะน่าใช้สักแค่ไหน ไปดูรีวิวกันครับ
SPECIFICATION
Chipset : Mediatek Dimensity 8200
RAM 12GB UFS 3.1 + Extended Ram 3.0 8GB | 512GB
Display : 1.5K 6.78-inch AMOLED | 1B colors | 120Hz | HDR10+
Operation system : Funtouch OS 14 | Android 14
Good quality mono speaker
Bluetooth 5.3 | USB Type-C 2.0 | Wifi6
Battery 5000mAh | 80W vivo FlashCharge
WHAT'S IN THE BOX : อุปกรณ์ภายในกล่อง
เครื่อง vivo V30 Pro 5G
80W Adapter Charge | USB-C Cable
Protection Case Transparent
Protection Film
Sim Card Ejector
Manual Guide
DESIGN : การออกแบบ
การออกแบบตัวเครื่องของ vivo V30 Pro 5G นั้น ตั้งแต่ Dimension ตัวเครื่อง หน้าตา การจัดวางสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเครื่องจะเหมือนกับรุ่นน้อง vivo V30 5G ทุกเบียดนิ้วเลยครับ ความหนาตัวเครื่องเท่ากันที่ 7.45mm และน้ำหนักตัวเครื่อง จะหนักกว่าแค่ 2 กรัมเท่านั้น
จุดที่จะแตกต่างกันก็คือ ส่วน Module กล้อง ที่เราจะเห็น Badge Logo ของ ZEISS เป็นการบ่งบอกว่า นี่เป็น Midrange ตัวแรก ของทาง vivo ที่ได้ ZEISS Bokeh Effect และคุณภาพ Optics ของเลนส์ที่ ZEISS Certified มาให้ ถึงไม่มี Logo T* Coating มานะ แสดงว่ารุ่นนี้ยังได้ Coating เลนส์ในระดับปกติอยู่นะครับ
สีตัวเครื่องที่ทาง vivo ประเทศไทยนำเข้ามาวางจำหน่าย จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 สีนะครับ ก็คือ สีขาวมุก (Shell White) และ สีดำ (Night Sky Black) โดยที่วัสดุฝาหลังจะเป็นกระจกเหมือนกันทั้งคู่แค่ผิวสัมผัส ก็จะแตกต่างกัน แก้วมีโอกาสได้ลองจับทั้งสองสีแล้ว สัมผัสนุ่มนิ้วดี และป้องกันรอยนิ้วมือได้ดีทั้งคู่ครับ
Frame ตัวเครื่องวัสดุจะเป็นพลาสติก สีของตัว Frame จะเปลี่ยนไปตามสีของตัวเครื่องนะครับ โดยที่โทนจะใกล้ ๆ กัน และได้รับการรับรองมาตรฐาน IP Rating อยู่ที่ IP54
ด้านล่างก็จะเป็นที่อยู่ของ Port USB-C 2.0 มีช่องลำโพง ช่องไมโครโฟน ถาดใส่ซิม ลำโพงยังเป็นลำโพงเดี่ยวเหมือนเดิมนะครับ
ส่วนด้านบนก็จะมี Choker คำว่า Professional Portrait เหมือนกันนะ
DISPLAY : หน้าจอแสดงผล
ตัวหน้าจอของ vivo V30 Pro 5G ก็ Spec เดียวกับรุ่นน้องเป๊ะ ๆ ก็คือจะมีขนาดอยู่ที่ 6.78 นิ้ว รูปแบบหน้าจอจะเป็น Curved Display หรือว่าจอโค้ง Panel หน้าจอจะเป็น AMOLED มี Resolution อยู่ที่ 1.5K ขอบเขตสีอยู่ที่ 1 พันล้านสี รองรับ HDR 10+ และมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz ครับ และ Peak Brightness เท่ากันที่ 2,800nits ครับ
ค่า Pixel Density หน้าจอจะอยู่ที่ 452 PPI ความละเอียดหน้าจอ 1.5K วัสดุเปล่งแสงหน้าจอจะเป็น A22 (Q9) แต่เรื่องของคุณภาพการแสดงผลนั้น เราไว้ใจได้เหมือนเดิม ทั้ง Contrast สีสันต่าง ๆ การ Touch ก็ติดนิ้วดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป การใช้งาน Social Media ไปจนถึงการเล่นเกมตอบสนองเราได้ดี ไม่แพ้กับหน้าจอของรุ่นพี่ vivo X100 Series 5G เลยครับ
การรับชม Content Streaming จาก Platform ต่าง ๆ ก็แน่นอนว่า Spec จอขนาดนี้ สามารถที่จะดูได้ที่ความละเอียดสูงสุด และรองรับการแสดงผลแบบ HDR อีกด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็น YouTube | Netflix | Prime Video รองรับการแสดงผลคุณภาพสูงหมดเลย
นอกจากนั้น จะมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการปรับแต่งภาพบนหน้าจอให้มีรายละเอียดที่ดีขึ้น สวยงามมากขึ้นอีกด้วยนะครับ ซึ่งเรียกว่า Visual Enhancement ซึ่งจะทำงานบน Application Streaming Content ส่วนใหญ่ได้ครบถ้วน ตัวอย่าง เช่น Prime Video 1080p HDR , Youtube 4K 60fps HDR , Netflix L1 เป็นต้นครับ
รูปแบบการปลดล็อคหน้าจอ จะเป็น Under display optical fingerprint หรือการสแกนนิ้วใต้จอ แบบ Optical นั่นเอง ซึ่งมี Response ที่รวดเร็ว สแกนติดได้ง่าย ตำแหน่งในการจัดวาง อาจจะต่ำไปสักหน่อย ใครที่จับสมาร์ทโฟนสูง ๆ ต้องเอื้อมนิ้วลงมากดนิดหนึ่งนะครับ
เวลาเราใช้งานนอกบ้าน ที่ต้องสู้แสงแดด ตอนเที่ยง ตอนบ่าย หน้าจอของ vivo V30 5G ตัวนี้ เรียกได้ว่า ทิ้งความรู้สึกตอนใช้ vivo V29 5G ไปเลย ตัวนี้สู้แสงดีกว่ามาก ๆ เพราะมี Peak brightness อยู่ที่ 2800nits และมี PWM Dimming อยู่ที่ 2160 Hz ช่วยให้สบายตา เวลาใช้งานหน้าจอในสภาวะแสงต่าง ๆ ครับ
CAMERA : กล้องถ่ายภาพ
มาถึงเรื่องที่หลาย ๆ คนรอกันแล้วนะครับ นั่นก็คือ เรื่องของกล้องถ่ายภาพนั่นเอง โดย ชุดกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว 3 ระยะ และ กล้องหน้าหนึ่งตัว ให้ Resolution มากันแบบจัดเต็มที่ 50MP ทุกกล้อง พร้อมกับ Picture Profile จาก ZEISS และ ZEISS Bokeh ด้วยนะครับ รายละเอียด ดังนี้
Main Camera 50MP | f/1.88 | IMX920 | PDAF, OIS
Ultra Wide Angle 50MP | f/2.0 | ISOCELL JN1 | 119 ํ | AF
Telephoto 2x 50MP | f/1.85 | OV50m | PDAF | Lossless 4x
Front Camera 50MP | ISOCELL JN1 | f/2.0 AF | Focal Length 22mm นอกเหนือจาก Setup ของตัวเลนส์แล้ว ลักษณะในการ Process ไฟล์ภาพนั้น ก็เปลี่ยนไปด้วยนะครับ จะดูมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น สีสันไม่ได้สดเท่ารุ่นน้อง แต่ยัง Boost ความคมในระดับที่เท่ากัน เรียกได้ว่า อยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็น V Series ที่สำเร็จรูปมาก ๆ กับ X Series ที่ให้ลุคของภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ
และ แน่นอนว่า เค้าก็ยังมี Pictures Profile มาให้เราเลือกใช้งาน 3 แบบเหมือนเดิม ก็คือ สดใส , มีมิติ , ธรรมชาติ แต่ในครั้งนี้เป็น ZEISS Natural Tone แบบรุ่นพี่แล้วครับ
MAIN CAMERA : กล้องหลัก 50MP | IMX920
เรามาเริ่มดูภาพจากกล้องหลัก ความละเอียด 50MP ที่ใช้ Sensor IMX920 ตัวนี้กันดีกว่านะครับ อย่างที่แก้วพูดไปตอนแรกเนาะว่า Character ในการ Process ไฟล์ภาพออกมา จะได้ความเป็นธรรมชาติมามากขึ้นมีความใกล้เคียงกับรุ่นพี่มากขึ้น
ตัวคุณภาพไฟล์นั้น ถึงแม้ Sensor จะเป็นตัวเดียวกัน แต่จะยังไม่สามารถเทียบชั้น vivo X100 5G ได้แบบ 100% แต่ก็ดีขึ้นกว่ารุ่นน้อง vivo V30 5G อยู่พอสมควร Detail ในส่วนพื้นผิว เก็บมาได้ดีมากขึ้น Dynamic Range ก็กว้างกว่าเดิม รวมไปถึง การไล่ระดับของ Contrast จะมีความ Linear กว่า นุ่มนวลกว่า
ลักษณะในการวัดแสงจะเหมือนกับรุ่นน้องก็คือ ตอนดูในจอภาพจะสว่างมาก ๆ ก็คือวัดแบบ ติด Over แล้วใช้ Auto HDR เกลี่ยแสงทั้งภาพใหม่หมด ซึ่ง Auto HDR เนี่ย เป็นอีกหนึ่งจุดที่ตอนแรกแก้วคิดว่า ไม่ต่างกันนะ แต่พอเอาไปถ่ายภาพที่ใน Scene มีดวงอาทิตย์ด้วย คือ ดึง Shape ดวงอาทิตย์กลับมาได้กลมสวย ไม่แพ้รุ่นพี่ vivo X100 Series 5G เลย
แต่อย่าเพิ่งคาดหวังว่า เห็นได้ Logo ZEISS มาแล้ว Flare จะหายไปหมด ไม่หมดนะครับ คือมันดีขึ้นกว่ารุ่นน้องแหละ แต่ยังไม่เท่ากับ vivo X100 5G รุ่นพี่แน่นอนครับ ตัว Auto White Balance ก็ค่อนข้างต่างไปจากรุ่นน้อง คือ อุณหภูมิสีที่ได้ จะมีความใกล้เคียงกับที่ตาเราเห็นมากกว่าเดิม โดยเฉพาะใน Scene ที่เป็นแสงช่วงเย็น จะไม่ได้มีความพยายามแก้แสงอาทิตย์สีเหลือง ๆ ให้กลับไปขาวเป๊ะ เหมือนกับ vivo V30 5G รุ่นน้อง อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบแต่ละคนไปนะครับ
กลายเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางอีกหนึ่งรุ่น ที่ถ่ายภาพย้อนแสงแล้ว ไว้ใจได้ Auto HDR ประมวลผลออกมาได้สม่ำเสมอ ดึง Highlight กลับมาได้ดี แต่ขุด Shadow ในระดับที่พอสวย ไม่ทำให้ภาพดูแบนด้วยครับ
แต่สิ่งที่กล้องหลักตัวนี้ ดีขึ้นกว่าใน vivo V30 5G ชัดเจน ก็คือเรื่องของ Depth of field หรือการถ่ายภาพละลายฉากหลัง ด้วยขนาด Sensor ที่ใหญ่กว่า ระยะโฟกัสที่ใกล้กว่า ทำให้เราสามารถจ่อถ่ายวัตถุ ละลายฉากหลังได้ง่ายมาก ๆ จะ Crop เข้าไปสัก 1.5x หรือ 1.9x ก็จะได้ Depth ที่สวยมากขึ้น เม็ด Bokeh ก็ค่อนข้างสวยทีเดียว
เวลาถ่ายจ่อ ๆ กับ Subjeect ก็ได้ช่วงชัดที่ค่อนข้างกว้าง ขอบของวัตถุจะซอฟน้อยกว่า Sensor 1 นิ้ว แต่ได้ Depth of field ที่สวยไม่แพ้กัน
คนที่ชอบถ่ายเครื่องประดับ ถ่ายนาฬิกาอวดเพื่อน แค่ยกข้อมือขึ้นมา แล้วกดถ่ายภาพ ก็จบเลย เห็นหน้าปัดครบ ชัดเจน แต่มีการละลายหลังที่สวยงาม
PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล
รามาต่อกันที่การถ่ายภาพ Portrait กันบ้างนะครับ สำหรับการถ่ายภาพ Portrait ใน vivo V30 Pro 5G นั้น เราสามารถใช้งานได้ด้วยกันทั้งหมด 2 ระยะ ก็คือ 1x และ 2x เท่ากับรุ่นน้องนั่นแหละ
แต่สิ่งที่จะต่างออกไปก็คือ ในตัวนี้ เขามี เลนส์ Optical 2x มารองรับ หมายความว่า คุณภาพที่ได้ จะดีขึ้นกว่าแน่นอน แถม รูรับแสงของ Telephoto 2x ตัวนี้ กว้างถึง f/1.85 เลย เรามาถึงยุคที่ สมาร์ทโฟนรุ่นกลางให้เลนส์ Tele คุณภาพขนาดนี้กันมาแล้ว
และ สำคัญที่สุดก็คือ เราจะได้ ZEISS Bokeh Software มาใช้ในการถ่ายภาพ Portrait เรียบร้อยแล้ว โดยจำนวนของ Bokeh ที่ได้นั้น จะมีทั้งหมด 6 แบบ ซึ่งจะน้อยกว่ารุ่นพี่ vivo X100 Series 5G เพราะว่าจะขาดตัว B Speed ไปนั่นเอง แต่แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอมาก ๆ แล้ว
ถ้าเป็นคนที่ติดตามแก้วมานาน น่าจะพอจำกันได้ว่า Bokeh ที่แก้วใช้งานบ่อยที่สุดก็จะเป็น Biotar รองลงมาก็เป็น Distagon แล้วก็ Sonnar แล้วก็จะปรับการละลายหลังประมาณ f/1.4 - f/2.8 แต่ในรีวิวนี้เพื่อให้เห็น Bokeh อลังการแบบชัดๆ แก้วจะปรับ f/0.95 ให้ดูเยอะหน่อยนะ
คุณภาพในการถ่ายภาพ Portrait นั้น การตัดขอบละลายหลังทำได้ดีไม่ต่างจากรุ่นน้อง ถ้าฉากหลังโล่ง ๆ สภาพแสงดี ๆ ปลายผมเล็ก ๆ ก็เก็บให้เราได้ นอกจากนั้น ยังมีการไล่ระดับการเบลอ และตำแหน่งในการเกิด Bokeh ก็ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ส่วน ความ Beauty หน้าหวาน ๆ เนี่ย ก็ได้มาจาก vivo V Series แบบเต็ม ๆ สกินตัวผิว จะดูชมพู ๆ หวาน ๆ แตกต่างจากรุ่นพี่ X100 Series 5G ที่จะเน้น Skintone แบบเป็นธรรมชาติ สีผิวตรงตามจริง เป็นส่วนผสมที่ แรก ๆ ตอนใช้ถ่ายก็ยังไม่ชินเท่าไหร่ พอถ่ายไปสัก 40-50 เริ่มชิน เริ่มชอบขึ้นมาเลย
พวก Style สีสันต่าง ๆ ก็มีมาให้เล่นกันเพียบ ทั้ง Beach Portrait ที่มันสีฟ้าตัดกับสีส้ม คู่สีแบบ Orange & Teal ให้ฟีล Summer แบบสวย ๆ เหมาะแก่การเอาไปถ่ายภาพริมทะเล
หรือใช้ในจังหวะที่ตัวแบบ ยืนอยู่กลางแจ้ง รับแสงแดดเยอะสักนิดหนึ่ง ภาพจะออกมาสวยมากครับ
Style ใหม่อย่าง Film Aura ที่จะเป็นการแสง Aura Light ขึ้นมา พร้อมกันจำลอง UI กล้อง Compact เหมือนกับเราถ่ายภาพด้วยกล้อง Compact แบบที่สาว ๆ ฮิตกันอยู่ในตอนนี้
มีการใส่ Grain เข้ามานิด ๆ ทำสีออกตุ่น ๆ ให้ลุค Vintage อันนี้แก้วว่า หลายคนชอบแน่นอน
TELEPHOTO 2x : กล้องเทเลโฟโต้ระยะกลาง 50MP | OV50m
มาต่อกันที่กล้อง Telephoto 2x ตัวนี้กันเลยนะครับ แน่นอนว่ากล้องตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อถ่ายภาพบุคคลเป็นหลัก แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเอามาถ่ายภาพแนวอื่นไม่ได้นะครับ ศักยภาพของกล้องตัวนี้เกินกว่าที่แก้วคาดหวังไว้มาก
ด้วยขนาด Sensor OV50m ที่ใหญ่ ½ นิ้ว จับคู่กับ เลนส์ที่มีรูรับแสง f/1.85 มีระยะโฟกัสใกล้สุดอยู่ที่ 1 ฟุตนิด ๆ ทำให้การจะถ่ายละลายฉากหลังแบบ Optical นั้น ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
นอกจากนั้น เรายังสามารถจะ In Sensor Zoom เข้าได้ไปอีก จนถึงระยะประมาณ 4x เพื่อถ่ายภาพ Macro หรือ ถ่ายภาพละลายฉากหลัง ได้มิติที่สวยมาก เบลอหลังกำลังดี
นอกจากนั้น ระยะ 46mm เนี่ย เป็นระยะที่เหมาะกับการถ่ายภาพ Street Snap มาก ๆ จะได้ Perspective ที่ตรง Frame ภาพไม่กว้างจนเกินไป และด้วย Shutter ที่ทำงานค่อนข้างเร็วทำให้เวลาเจอจังหวะสำคัญ ๆ เราสามารถที่จะ Snap ภาพตรงหน้าได้ทันในจังหวะที่สวยงาม
ตัวคุณภาพไฟล์ที่ได้จากกล้อง Telephoto 2x ตัวนี้ แก้วถือว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของตลาดเลย ไม่ใช่แค่เทียบกับ Midrange ด้วยกันเองนะ ต่อให้เทียบกับเรือธง ที่มีเลนส์ Optical 2x vivo V30 Pro 5G เครื่องนี้ สู้ได้สบายมาก ๆ
การวัดแสง และ White Balance แม่นยำพอ ๆ กับกล้องหลัก เวลาถ่ายภาพย้อนแสงการทำ Auto HDR ก็ทำได้แม่นยำไม่ว่าจะอยู่ใน Mode การถ่ายภาพแบบไหนก็ตาม แต่จะมีเรื่อง Flare เวลาที่เราถ่ายภาพย้อนแสง จะมีเ Flare สีแดง ๆ ขึ้นมา เป็นทรงกลม คือ ถ้าคนมองว่า เป็น Aesthetic เป็น Character ก็ดีไป แต่สำหรับคนที่เขามองว่าเป็นปัญหา ก็ถือว่า เม็ด Flare ที่โผล่ขึ้นมา แอบใหญ่อยู่นะครับ
ส่วน Performance ในการ Zoom สูงสุด ที่แก้วยังไว้ใจในเรื่องคุณภาพไฟล์ได้ จะอยู่ที่ไม่เกิน 5x นะ มากกว่านั้น มันก็ยังใช้งานได้แหละ Zoom ไปอ่านตัวหนังสือออก แต่ว่าเนื้อไฟล์จะเริ่มสูญเสียความเป็นธรรมชาติไปเยอะแล้ว ใช้งาน Zoom แต่พอดี ๆ ดีที่สุดแล้วครับ พวก Food Mode ก็มีมาให้เหมือนกับรุ่นน้องนะครับ ปรับสีสันได้ ใส่ Filter เพิ่มเติมได้เหมือนกัน
ULTRA WIDE ANGLE : กล้องมุมกว้าง 50MP | FOV 119˚ | JN1
รามาต่อกันที่กล้อง Ultra Wide Angle 50MP ที่มีองศาในการรับภาพ 119 ํ ตัวนี้กันเลยนะครับ สำหรับกล้องตัวนี้ต้องบอกว่า มีความแตกต่างน้อยมากเมื่อเทียบกับรุ่นน้อง เพราะว่า Sensor ตัวเดียวกันชิ้นเลนส์ก็เหมือนกัน
ทำให้ Effect ของการเกิดแสง Flare การเกิด Chromatic Abberation หรือขอบม่วงตอนย้อนแสง ยังพอมีให้เห็นบ้าง แต่ก็น้อยลงกว่ารุ่นน้อง vivo V30 5G อยู่พอสมควรแล้วครับ
การจัดการ Distortion ทำได้ดีมาก ๆ อาการขอบเบี้ยว ขอบโค้ง คือไม่เจอเลย ใน Mode Auto ปกติ ถึงแม้ว่าองศาในการรับภาพนั้นอาจจะไม่ได้กว้างมากนัก แต่ได้คุณภาพไฟล์ขนาดนี้แก้วก็โอเคมากแล้ว
แต่ลักษณะในการ Process ก็จะเปลี่ยนไป มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น HDR จะขุดส่วนเงาน้อยลงนิดหน่อย Auto White Balance กับ Auto Exposure ทำได้ดีแทบไม่ต่างจากกล้องหลักเลย โอกาสที่จะพลาดมาเจอสีเพี้ยน ๆ แทบไม่เจอเลย จริง ๆ ต้องชมนะครับว่า Auto WB และ Auto Exposure ในกล้องทั้งสามตัว ไว้ใจได้ทุกสถานการณ์ไม่ต้องมาคอยนั่งลุ้น
FOOD MODE : การถ่ายภาพอาหาร
การถ่ายภาพอาหาร ก็เป็นอีกหนึ่ง ฟีเจอร์ที่ตั้งแต่ทาง vivo ใส่เข้ามาให้ในรุ่น vivo V27 5G เป็นครั้งแรก แก้วมีโอกาสได้ใช้งานบ่อยมาก เพราะว่าบางที เวลาเราถ่ายภาพอาหาร ในสภาพแสงที่มันไม่ค่อยสวย Food Mode ที่ทำงานร่วมกับ ไฟ Aura Light ช่วยเราได้เยอะจริง
นอกจากนั้นก็ยังมี Filter และ Style สีสันต่าง ๆ ให้เราเลือกใช้งานสำหรับการถ่ายอาหารด้วย จะใส่ควันสวย ๆ เข้าไปให้อาหารดูน่าทาน ก็สามารถใส่ได้แบบจบหลังกล้องพร้อมลงเลย ไม่ต้องเสียเวลามา Retouch
Filter หนึ่งที่แก้วใช้บ่อยก็คือ Filter สดใส หรือ Bright ที่จะเป็น Boost ความสว่าง และสีสันขึ้นมา ในปริมาณที่เท่า ๆ กันทั้งภาพ เหมาะกับอาหารที่มีสีสันหลากหลาย
FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 50MP | JN1
เรามาดูภาพนิ่งในกล้องหน้ากันบ้างนะครับ พอเป็นกล้องหน้าเนี่ย ความ Beauty ความใสอมชมพูของ vivo V Series มาเต็มเหมือนเดิม ไม่มีเค้าลางของกล้องหน้า vivo X Series เลย
องศาในการรับภาพกว้าง ถ้ายื่นสุดแขน สามารถ จะ Selfie แบบเห็นทั้งตัวได้สบาย ๆ แต่สิ่งที่อัพเกรดเข้ามาให้กล้องหน้าตัวนี้ก็คือ ZEISS Bokeh ในกล้องหน้าก็ให้มา แถมให้มาครบเท่ากล้องหลังเลย Software ในกล้องหน้านี้ จัดหนักจัดเต็มจริง ๆ
ZEISS Bokeh ที่แก้วใช้งานบ่อย ๆ แล้วก็ที่น้องหนิงนางแบบชอบ ก็จะเป็น Biotar และ Sonnar คล้าย ๆ กับในกล้องหลัง ในเม็ด Bokeh หมุนวนที่มีเอกลักษณ์มาก ๆ
การตัดขอบละลายหลังในกล้องหน้านั้น ถึงแม้ความแม่นยำอาจจะไม่ได้กริ๊บ หรือแม่นยำเท่ากล้องหลัง ในทุก ๆ สถานการณ์ แต่ถ้าฉากหลังไม่รกจนเกินไป ก็ไว้ใจได้ว่าภาพที่ออกมาดีแน่นอน
และด้วยข้อได้เปรียบที่ Sensor ในกล้องหน้ามีขนาดใหญ่ ทำให้การ Selfie ในที่แสงน้อย เราไม่ต้องกลัวว่า ภาพจะเบลอ มีจุดรบกวน หรือ Detail ใบหน้ามาไม่ครบถ้วนเลยครับ กล้องหน้าตัวนี้ สู้เรือธงได้สบาย
LOW LIGHT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพในที่แสงน้อย
เรามาต่อกันที่ Low Light Photography หรือการถ่ายภาพในที่แสงน้อยกันเลยนะครับ โดยแก้วจะขอเริ่มจาก Low Light Portrait ก่อนเลยนะ เราสามารถใช้ Aura Light 3.0 ตัวนี้ในการให้แสงสว่างกับตัวแบบได้ ไม่ว่าจะเป็น ใช้เป็น Key Light ให้แสงหลัก ในกรณีที่แสงสว่างไม่เพียงพอ ก็ทำได้
หรือ ใช้เป็น Fill Light เพื่อแก้ Skintone ก็ทำได้เหมือนเดิม มี Software ที่ช่วยปรับอุณหภูมิแสง และปรับความแรงของไฟตามระยะห่างจากตัวแบบ ให้อัตโนมัติ แล้วก็มีความแม่นยำมาก ๆ
สำหรับคุณภาพไฟล์การถ่าย Portrait ในที่แสงน้อยซึ่งทุกคนน่าจะได้เห็นกันไปแล้วว่าใน vivo V30 5G ทำได้ดีแค่ไหน ? ใน vivo V30 Pro 5G ตัวนี้ทำได้ดีขึ้นอีกระดับหนึ่งเลย ไฟล์ภาพ Portrait ช่วงกลางคืน ใสขึ้น Detail ดีขึ้น ขนาดว่าอยู่ในที่ที่แทบไม่มีแสงไฟส่องตัวแบบ มีแค่ Aura Light 3.0 อย่างเดียว ก็สว่างเพียงพอแล้ว
หรือในสถานการณ์ที่ Ambience Light มีหลากหลายสีมาก ๆ ไฟ Aura Light 3.0 ก็ช่วยดึง Skintone โดยส่วนใหญ่ของตัวแบบกลับมาได้ ทิ้ง Rim Light สีสันต่าง ๆ ไว้แค่ตามขอบ และไรผมเท่านั้น
แล้วก็เรื่องคุณภาพไฟล์ภาพ Portrait ในระยะ 2x คือสิ่งที่แตกต่างจาก vivo V30 5G ชัดเจน เพราะว่า มีชิ้นเลนส์จริง ๆ มารองรับแล้ว ไม่ใช่เป็นการ Crop zoom on sensor เหมือนกับรุ่นน้อง ทำให้ Detail ในส่วนพื้นผิว เส้นผม จะดูคมขึ้น รายละเอียดในส่วนเงา มีจุดรบกวนน้อยลง
เวลาเจอฉากหลังที่มีความรก หรือรายละเอียดเยอะ ๆ Software ก็สร้าง Bokeh ขึ้นในได้ค่อนข้างแม่นยำในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าในจุดเล็ก ๆ อาจจะมีหลุด ๆ ไปบ้าง ที่เราอาจจะต้องมาเก็บนิดหน่อย เพราะยังไง Bokeh ที่เราถ่ายมา สามารถมาปรับแต่งภายหลังได้อยู่แล้ว
แต่ถ้าเป็น Shot ที่ ตัวแบบมีการเคลื่อนไหวด้วย ด้วย Shutter Speed ที่ต้องลดลงมาค่อนข้างต่ำ มีโอกาสที่จะเกิด Motion Blur ได้มากกว่ารุ่นพี่ vivo X100 5G อยู่พอสมควรเลยครับ ถ้าต้องการจะถ่ายภาพช่วงกลางคืนให้คมชัด พยายามให้ตัวแบบอยู่นิ่งๆ ดีที่สุดนะครับ
อะทีนี้เรามาดูการถ่ายภาพด้วย Night Mode กันบ้างนะครับ เราสามารถใช้งาน Night Mode ได้ในกล้องหลังทุกตัว รวมถึงกล้องหน้าด้วยนะครับ ลักษณะในการ Process ไฟล์ภาพ Night Mode ยังคงเน้นความคมชัดของภาพ และเน้นความใส
ทำให้ Software Noise Reduction และการเติม Clarity การเติม Sharpness ก็จะเยอะเหมือนเดิม สีสันของภาพใน Night Mode สดใสพอ ๆ กับในรุ่นน้องเลย แต่การปรับความสว่างเฉลี่ยทั้งภาพนั้น จะค่อนข้างเหมือนกับใน vivo X100 Series 5G มากกว่า
และ ด้วยศักยภาพของ Sensor ในกล้องหลัก และกล้อง Telephoto ที่คุณภาพดีขึ้นกว่ารุ่นน้อง ทำให้ใครที่อยากได้ภาพช่วงกลางคืนที่สว่าง แต่ไฟล์ไม่แข็งมาก แก้วแนะนำให้ถ่ายด้วย Mode Auto ไปปกติ ในสถานการณ์ที่ใน Scene ที่เราถ่ายมีแหล่งกำเนิดแสงอยู่บ้าง
จุดที่จะโดดเด่นขึ้นมากกว่ารุ่นน้อง vivo V30 5G สำหรับการถ่ายภาพใน Night Mode ก็คือ การ Zoom ใน Night Mode เราสามารถใช้งานแบบ Lossless ได้ในระยะประมาณไม่เกิน 4x หรือ 100mm ได้ดีมาก ๆ
โอเคแหละว่า Texture ส่วนพื้นผิวมันต้องมีหายไปบ้างแหละ แต่ถ้าเราแค่เอามาลง Social เฉย ๆ ดูในหน้าจอที่ขนาดไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ถือว่าเพียงพอแบบเหลือเฟือเลยครับ
Night Mode ในกล้อง Ultra Wide Angle ก็ถือว่าทำงานได้ดีขึ้น สาเหตุจะเก็บแสงไฟตามป้าย ตัวหนังสือต่างๆ มาได้ชัดเจน และอ่านง่าย ตัวสีสันของภาพก็ใกล้เคียงกับกล้องหลักเลย ไม่ซีด ไม่จืด
การเฉลี่ยความสว่างของทั้งภาพ รวมไปถึงการจัดการ Noise ในจุดมืดก็ทำได้ดี ไฟล์มีความใส แต่ไม่ได้ขาด Detail ตามส่วน Texture เล็ก ๆ ไปเลย Night Mode ในกล้องตัวนี้ น้อง ๆ vivo X100 5G จริง ๆ
RAW FILE PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ RAW FILE
สำหรับการใช้งาน RAW File ของ vivo V30 Pro 5G นั้น จะเป็นในรูปแบบ Sensor RAW นะครับ เราสามารถใช้งานได้ด้วยกัน 3 กล้อง ก็คือ กล้องหลัก และ Ultra Wide Angle และ กล้อง Telephoto 2x ซึ่งคุณภาพไฟล์นั้น ไว้ใจได้ในทุกกล้องเลย ย้ำว่าทุกกล้องเลยนะครับ
ด้วยความที่เปลี่ยน Sensor กล้องหลักมาเป็น IMX920 ทำให้ Dynamic Range และการเก็บรายละเอียดในส่วนมืดของภาพ ทำได้ดีขึ้นมาก ความยืดหยุ่นก็ดีสำหรับการ Process ไฟล์ไม่ช้ำง่าย จุดรบกวนต่ำ
ส่วนกล้อง Ultra Wide Angle เนี่ย คุณภาพไฟล์กับความยืดหยุ่นอะ มันโอเคเหมือนเดิมแหละ แต่ Distortion ของกล้องตัวนี้ และอาการขอบม่วงก็ยังมีเหมือนเดิม ใครที่ Process ไม่เก่งกล้องมุมกว้างเนี่ย ไปถ่าย JPEG สบายใจกว่า
กล้อง Telephoto 2x อันนี้เป็นจุดที่แก้ว Surprise นะ เพราะ Sensor OV50m มันถือว่า เป็น Tier เริ่มต้นของ Omnivision OV50 Series แต่ RAW File ดีมากกก ทั้ง Dynamic Range ดี ไฟล์ใส ยืดหยุ่น ขุดเงาง่าย ดึง Highlight กลับง่าย
แต่ White Balance ของ RAW File ในกล้องตัวนี้ค่อนข้างจะเอียง ๆ ไปทางสีแดงหน่อย แต่มันเป็น RAW File อะ มันถ่ายมาเพื่อปรับแต่งต่อ ฉะนั้นตรงนี้แก้วไม่ถือว่าเป็น Issue ละกัน
VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ
การถ่าย Video ใน vivo V30 Pro 5G นั้น เราสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60fps ในกล้องหน้า และในกล้องหลังทุกตัว Ultra Wide Angle ก็ถ่าย 4K ได้ Tele ก็ถ่ายได้ ที่สำคัญเราสามารถ จะสลับกล้องไปมาได้ทุกกล้อง ระหว่างการถ่ายได้ด้วย บอกตรง ๆ ว่าไม่ได้หาเจอกันง่ายใน Smartphone ระดับกลาง
แถม คุณภาพไฟล์ของไฟล์ ไม่ว่าจะเป็น Dynamic Range หรือ Bitrate ของตัว video นั้น ดีกว่ารุ่นน้องทั้งหมด Bitrate โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 50mbps เท่ากับรุ่นเรือธง เท่ากับว่า ใครที่อยากจะใช้ V Series แต่เน้นวีดีโอมาก ๆ รุ่น Pro คือ ดีกว่ารุ่นธรรมดาอย่างชัดเจน ในแง่คุณภาพไฟล์ อันนี้ยืนยันให้เลย การโฟกัสยังแม่นยำเหมือนเดิม เปิด Eye-Auto focus ได้ เปิด Motion Auto focus ได้ ต่อไมค์แยกแบบ USB-C หรือ Bluetooth ได้หมด ทำงานทันที UI ไม่ยุ่งยากสำหรับการ Set ค่าเสียง การกันสั่นวีดีโอ อาจจะยังไม่ได้นิ่งที่สุดใน Segment ก็จริง แต่ความนิ่งอยู่ในระดับที่ ถ้าเราจับสองมือถ่ายแล้วเดินไปด้วย การ Jerk หรือการสั่นในแนวตั้ง ไม่ได้เยอะจนน่ารำคาญแต่อย่างใด ในทุก ๆ กล้องเลยนะครับ
มี Mode Video ละลายฉากหลังที่ Resolution 1080p 30fps แบบที่ ตัว Bokeh จะเป็นแบบ ZEISS Cinematic มาให้ด้วย แถมใช้ได้ในทั้ง กล้องหลัก กล้อง Telephoto และกล้องหน้า คุณภาพไฟล์ถ้าสภาพแสงดี ๆ สูสีกับรุ่นพี่ vivo X100 5G เลยสำหรับ Mode นี้ แค่ระยะอาจจะต่างกันนะครับ
ส่วน Video ในกล้องหน้า ที่เป็นจุดเด่นของ vivo V30 Series 5G ก็เจ๋งเหมือนเดิม Bitrate ของ Video ในกล้องหน้าอยู่ที่ 49-50 mbps เท่ากับกล้องหลัง มี Depth of field บาง ๆ การโฟกัส Linear ดีไม่วูบวาบ Skintone ในกล้องหน้า แม้จะไม่เปิด Beauty Mode คือ ใสมาก
PERFORMANCE : ประสิทธิภาพ
จุดนี้จะเป็นอีกจุดที่ vivo V30 5G และ vivo V30 Pro 5G จะมีความต่างกันชัดเจน เริ่มกันที่ Chipset ก่อนเลย vivo V30 Pro 5G จะใช้ Chipset Dimensity 8200 มี RAM มาให้ 12GB เป็น LPDDR5X และ Storage 512GB เป็นแบบ UFS 3.1 ตัว Connectivity Bluetooth เป็นเวอร์ชั่น 5.3 WiFi เป็น Wifi6 USB-C เป็นเวอร์ชั่น 2.0 มี Battery มาให้อยู่ที่ 5000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 80W ครับ
ถ้าเรื่องการใช้งานทั่ว ๆ ไป ใช้ทำงาน ตอบแชท ดูหนังฟังเพลง ตอบสนองเราได้ดีอยู่แล้ว เปิด App ทิ้งไว้หลาย ๆ อันก็ไม่รู้สึกว่ามีอาการหน่วงอะไรเลย ประสบการณ์ที่ได้ใกล้เคียงกับรุ่นน้อง vivo V30 5G ที่ใช้ Chipset Snapdragon 7 Gen 3
แต่ด้วยความที่ ทั้ง RAM ทั้ง Storage มี เวอร์ชั่น เทคโนโลยีที่ใหม่กว่า ใช้เกรดเดียวกับเรือธงเลยเนี่ย ทำให้ Experience บางจุดมันดีขึ้นชัดเจน อย่างแรกก็คือ เวลาที่แก้วถ่ายภาพเป็น RAW File ในแต่งใน Lightroom Mobile ก็จะ Import ไฟล์ได้เร็วขึ้น ดู Preview ภาพหลังแต่งได้เร็วขึ้นมาก ๆ เพราะ UFS 3.1 มันเร็วกว่าของรุ่นน้องที่เป็น UFS 2.2 พอสมควร
แล้วก็ตอนที่ เอาไปเล่นเกมนี่แหละ ที่รู้สึกต่างจริง ๆ แก้วเอาไปเล่นเกม Seven Knight 2 และ Legend of Neverland มา ทั้ง 2 เกม ปรับกราฟิกได้ในระดับสูงสุด FPS นิ่ง ๆ ที่ 60fps แต่ความดีงามก็คือ เวลามีการโหลดฉากใหม่ มีการเจอ Player ในฉากจำนวนมาก ๆ Dimensity 8200 ที่จับคู่กับ RAM 12GB แบบ LPDDR5X ก็แสดงผลได้รวดเร็วกว่า
สำหรับในเรื่องของก Battery และการจัดการความร้อนตัวเครื่อง ต้องบอกว่าถ้าเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไป ความร้อนใกล้เคียงกันมาก ๆ คือ แทบไม่รู้สึก เย็นแบบเย็นจริง ๆ แต่ถ้ามีการใช้งานกล้อง หรือว่าเล่นเกม แก้วจะรู้สึกถึงความร้อนได้เร็วกว่ารุ่นน้อง ที่ใช้ Snapdragon 7 Gen 3 อยู่พอสมควร แต่ไม่ได้ร้อนกว่าอะไรมากมายนักนะครับ แค่ความร้อนมาเร็วกว่าเฉย ๆ
ในส่วนของ Battery Life อันนี้อาจจะเป็นจุดที่ ต้องยอมใจรุ่นน้อง และ Snapdragon 7 Gen 3 จริง ๆ ถ้าเป็นวันที่ใช้งานทั่ว ๆ ไป SOT อยู่ที่ 7 ชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้าวันที่แก้ว Test กล้อง และวีดีโอหนัก ๆ จะลดลงไปอยู่ที่ 6 ชั่วโมง 40 นาที หายไปเกือบชั่วโมงก็เยอะอยู่นะ ใครชอบแบตอึดแบบใช้ลืม ๆ รุ่นน้องยังได้เปรียบกว่านะครับ ความเร็วในการชาร์จ จาก 0% - 100% ทำได้อยู่ที่ประมาณ 50 นาที ด้วยกำลังไฟสูงสุดที่ 80W นะครับ
OVERVIEW & OPINION
vivo V30 Pro 5G ในมุมมองของแก้ว มันคือ ความสมบูรณ์แบบของ สมาร์ทโฟนระดับ Midrange ที่เราไม่ได้เห็นกันบ่อยมากนัก มีการปรับ Chipset ใหม่ให้ Performance ดีขึ้น รองรับการประมวลผลการถ่ายภาพที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ ให้ Sensor กล้องถ่ายภาพ 50MP มาในกล้องทุกตัว แล้วได้ Software การถ่ายภาพ จาก ZEISS มาอีก
การออกแบบตัวเครื่อง เหมือนกับรุ่นน้อง vivo V30 5G โดยสีตัวเครื่องที่ vivo ประเทศไทย นำเข้ามาวางจำหน่าย จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 สีก็คือ สีขาวมุก Shell White จากเปลือกหอยมุก อีกหนึ่งสีก็คือ สีดำ Night Sky Black พร้อมกับไฟ Aura Light Portrait 3.0 ด้วยนะครับ . Spec ของตัวหน้าจอ ก็เหมือนกับรุ่นน้อง vivo V30 5G เช่นกัน โดยจะมีขนาด 6.78 นิ้ว ให้หน้าจอมาใหญ่สะใจเสมอ Panel จอแบบ AMOELD Display 1.5K Refresh Rate 120Hz 458 PPI รองรับการแสดงผล HDR ในทุก Application และเพิ่มความสว่างหน้าจอสูงจุดไปที่ 2800nits ที่สามารถเปิดแสงหน้าจอสุด กลางแจ้งได้ยาวนานกว่าเดิม
การอัพเกรดกล้องในครั้งนี้ ไม่ได้เหนือกว่า vivo V30 5G รุ่นน้อง แค่นิดหน่อยนะ เราได้ Sensor กล้องหลักเป็น IMX920 แบบเดียวกับรุ่นพี่ vivo X100 5G และ กล้อง Telephoto 2x 50MP ใช้ Sensor OV50m เสริมด้วย ZEISS Bokeh และ สีสันแบบเลนส์ ZEISS รองรับการถ่าย Video 4K 60fps ในทุกเลนส์ ทำให้คำพูดที่ว่า vivo V series เด่นแค่กล้องหน้า ไม่ใช่ความจริงอีกต่อไปแล้วครับ ตอนนี้ เด่นทุกกล้องแล้วจริง ๆ
ราคา และช่องทางการจัดจำหน่าย vivo V30 Pro 5G
- vivo V30 Pro 5G 12GB+512GB ราคา 19,999 บาท
- เริ่มจำหน่าย 28 กุมภาพันธ์ 2567 รับฟรี V30 Series 5G Premium Gift Box
เคส 2 ชิ้น พร้อมสายคล้องสะพายข้าง รับประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้งภายใน 2 ปีแรก มูลค่า 10,499 บาท
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]
IG : kaew.ravie
Comments