top of page

รีวิว vivo V50 5G | จัดเต็ม ZEISS ทุกกล้อง โหมดกล้องฟิล์ม จอโค้งน้อยลง หรูหราขึ้น

รูปภาพนักเขียน: แอดมินแก้วแอดมินแก้ว

อัปเดตเมื่อ 28 ก.พ.

สวัสดีครับทุกคน ได้เวลาของรีวิวสมาร์ทโฟนจากทางแบรนด์ vivo ตัวแรกของปี 2025 นี้กันแล้วครับ นั่นก็คือ vivo V50 เครื่องนี้นั่นเองครับ ถึงแม้หน้าตาจะคุ้น ๆ แต่มีหลายส่วนที่ปรับปรุงมาให้น่าใช้งานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่เปลี่ยนมาเป็นแบบ Quad Curved Display แล้ว Build Quality ของตัวเครื่องที่รู้สึกแข็งแรงกว่าเดิม ถ่าย Video 4K 30fps ได้ในทุกกล้อง โดยกันสั่นในกล้อง Ultra Wide Angle นิ่งขึ้นพอสมควร ไปจนถึง โหมดการถ่ายภาพใหม่ เอาใจวัยรุ่นติดแกลม จะน่าใช้แค่ไหน ไปดูรีวิวกันครับ

SPECIFICATION | vivo V50 5G
  • Chipset : Qualcomm Snapdragon 7 Gen 3

  • RAM 12GB + Extended Ram 12GB | Storage 256/512GB UFS 2.2

  • Display : FHD+ 6.77-inch Quad-Curved AMOLED | 1B colors | 120Hz | HDR10+

  • Operation system : Funtouch OS 15 | Android 15

  • Good quality Stereo speaker | IP68/IP69

  • Bluetooth 5.4 | USB Type-C 2.0 | Wifi6

  • Battery 6000mAh | 90W vivo FlashCharge

WHAT'S IN THE BOX : อุปกรณ์ภายในกล่อง
  • ตัวเครื่อง vivo V50 5G

  • Case กันกระแทกแบบนิ่ม ( Design ใหม่ )

  • USB-C Cable ( USB-A to USB-C )

  • Adapter vivoFlashCharge 90W

  • Sim card ejector | Manual Document

DESIGN งานออกแบบ

เรามาเริ่มกันที่การออกแบบตัวเครื่องของ vivo V50 ตัวนี้กันเลยนะครับ ในครั้งนี้ สีตัวเครื่องที่นำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยนั้น มีด้วยกันทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีแดง Ancora Red | สีม่วงพาสเทล Mist Purple และ สีดำสุดหรู Satin Black นั่นเองครับ โดยทั้ง 3 สีนั้น วัสดุที่ใช้ทำฝาหลัง จะเป็นกระจกแบบด้าน เหมือนกันทั้งหมดเลยนะครับ

แน่นอนที่สุดว่า สีที่มาเป็นอันดับหนึ่งในใจ ก็จะต้องเป็นสีแดง Ancora Red อยู่แล้ว มันเป็นเฉดสีแดงที่ดูไม่ตะโกนจนเกินไป มีความหรูหราแฝงอยู่ในนั้น และ เป็นสีที่แบรนด์แฟชั่นชื่อดัง มักจะหยิบมาใช้ในเสื้อผ้า หรือเครื่องสำอางค์ อยู่บ่อย ๆ แล้ว นาน ๆ ที vivo V Series จะมีสีแดงให้เราซื้อกันสักที ครั้งล่าสุดที่มีสีแดง ก็น่าจะย้อนไป vivo V29 5G เลยครับ

อีกหนึ่งสีที่แก้วว่า สวยไม่แพ้กัน แต่ Character เหมือนเป็นเหรียญอีกด้านหนึ่งเลย เมื่อเทียบกับ Ancora Red นั่นก็คือ สี Mist Purple นั่นเองครับ ตัว Base ของสีนี้ จะเป็นสีม่วงอ่อน โดยจะมี Effect เวลาสะท้อนแสง ที่จะเหลือบเป็นสีฟ้า สีส้ม ผสมกัน ให้บรรยากาศเหมือนแสงอาทิตย์ส่องผ่านหมอกในตอนเช้า และปิดท้ายด้วยสี Satin Black ที่ในภาพรวมแล้ว เหมือนกับ สีดำจาก vivo V40 Series เกือบจะ 100% เลยครับ

ตัว Design ของ Module กล้อง มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย โดยส่วนที่เป็น Dual Ring ทั้ง 2 ส่วนจะมีขนาดที่ใหญ่เท่ากัน และจัดวางแบบสมมาตร โดยวงด้านบน จะจัดวางตัวชุดกล้อง พร้อม Logo ZEISS โดยที่กรอบของกล้อง จะมีลวดลาย Pattern สวย ๆ ด้วย และ วงด้านล่าง ก็จะเป็นไฟ Aura Light 2.0 ที่ขนาดใหญ่กว่าเดิม และแน่นอนว่า พลังในการส่องสว่างก็มากกว่าเดิมด้วย

เห็นเล็ก ๆ แบบนี้ ซ่อนแบตเตอรี่ไว้ถึง 6000mAh

vivo เป็นแบรนด์ที่ ให้ความสำคัญกับความบางเบาของตัวเครื่อง ในสมาร์ทโฟนระดับกลาง หรือ vivo V Series ของพวกเขามาตลอด ในรุ่นก่อนหน้าก็ว่าบางมากแล้วนะ ในรุ่นนี้ ความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 500mAh แต่ยังบางลงได้อีก ความหนาอยู่ที่ 7.39 มม. และน้ำหนัก ไม่ข้าม 190 กรัม ด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ที่ทาง vivo พัฒนาขึ้นมาเอง อย่าง BlueVolt เลยรีดน้ำหนักออกมาแบบนี้ได้

ลักษณะของ Frame ตัวเครื่อง วัสดุเป็นพลาสติก ทำสีแบบ Glossy จะมีความโค้งมน ที่น้อยลงกว่าตอน vivo V40 Series เพราะว่า vivo ได้เปลี่ยนมาใช้หน้าจอที่เป็น Micro Quad-Curved Display เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ Grip ในการจับถือ บริเวณด้านข้างตัวเครื่องนั้น ดีขึ้นด้วย

ด้านบนของตัวเครื่อง ตัว Choker หายไปแล้ว จะมีแค่ ไมโครโฟนอีกหนึ่งตัว ลำโพงอีกหนึ่งตัวนะครับ

ด้านล่างของตัวเครื่อง ก็จะเป็นที่อยู่ของ Port USB-C | ไมโครโฟน | ถาดใส่ซิม แบบ 2 ซิม (ไม่รองรับ microSD Card) | และ มีลำโพง Stereo มาให้เช่นเคย คุณภาพโอเค ความดังก็ใช้ได้ แก้วรู้สึกว่า vivo พยายามปรับจูน Equalizer มาให้มีเสียง Bass เพิ่มมากขึ้น แต่ในภาพรวม ไม่ได้รู้สึกต่างจากตอน vivo V40 Series มากนัก ( ใครอยากลองฟังเสียง ลองไปดูวีดีโอรีวิว ใน YouTube ได้นะครับ )

DISPLAY : หน้าจอแสดงผล

ทีนี้เราพลิกมาดูที่เรื่องของหน้าจอกันบ้างนะครับ นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทุกคน สามารถสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุด เพราะ vivo V50 ได้เปลี่ยนมาใช้หน้าจอแบบ Micro Quad-Curved Display เหมือนกับรุ่นพี่ vivo X200 Series เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีขนาดอยู่ที่ 6.77 นิ้ว

Panel หน้าจอจะใช้เป็น AMOLED ใช้วัสดุเปล่งแสง VM7 ของทาง Visionox มี Resolution อยู่ที่ FHD+ มีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz ขอบเขตสีอยู่ที่ 1 พันล้านสี และรองรับ HDR10+ และอีกหนึ่ง Highlight ก็คือ Peak Brightness อยู่ที่ 4500nits และ HBM brightness ที่ประมาณ 1200nits ซึ่ง เพียงพอต่อการใช้งานในทุกสภาวะแสงแน่นอน

คุณภาพการแสดงผลของหน้าจอ ในทุก ๆ รูปแบบการใช้งานนั้น ตอบสนองเราได้อย่างดีเยี่ยมมาก ๆ ให้สีสันที่สวย Contrast ดี รองรับการรับชม Content คุณภาพสูงจากทุก ๆ Platform และพอได้ลำโพงคู่มาใส่ในรุ่นนี้แล้ว อรรถรสในการรับชมก็เพิ่มมากขึ้นไปด้วย

  • Youtube 4K HDR

  • HBO Max 4K HDR

  • Netlflix 4K HDR | L1

คุณภาพการแสดงผลสีสันของหน้าจอ มีความแม่นยำ สามารถใช้ในการเช็คไฟล์สีงานต่าง ๆ ได้ ไปจนถึง ใช้หน้าจอในการตกแต่งภาพ ก็ไว้ใจได้เช่นเดียวกัน ด้วย 8000000:1 Contrast Ratio, P3 Color Gamut | DCI-P3 100% | sRGB 100%

ในเรื่องของความแข็งแรง ทาง vivo ก็ได้อัพเกรดตัวกระจกหน้าจอมาเป็น SCHOTT Xensation ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากประเทศ เยอรมัน เป็นบริษัทที่พัฒนากระจก มาเป็นร้อย ๆ ปี แล้ว ตัวกระจกแข็งแรง ทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี

นอกจากนั้น เรายังสามารถปรับแต่ง Color Profile ของหน้าจอได้ ตามรูปแบบการใช้งาน และยังสามารถใช้ Features Visual Enhancement เพื่อให้เวลารับชม Content ภาพมีสีสันสวยมากขึ้นได้ครับ

ถึงแม้ว่า HBM อาจจะน้อยกว่า vivo X200 Series อยู่เล็กน้อย แต่การใช้งานหน้าจอในที่กลางแจ้ง เอาอยู่สบาย ๆ แก้วเอาออกไปใช้งานนอกบ้าน ตอนบ่ายสอง บ่ายสาม ที่แดดแรง ๆ ยังเห็นหน้าจอได้ชัดเจนอยู่ และแสง Dimming ลงมาช้ากว่าเรือธงหลาย ๆ ตัวซะอีก

ตัว Fingerprint scanner จะเป็น Sensor ในรูปแบบ Optical ใต้หน้าจอ ตำแหน่งอาจจะต่ำไปสักหน่อย แต่ความรวดเร็ว และความแม่นยำในการ Scan ใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรครับ

CAMERA SPECIFICATION

ถึงจะมาแค่รุ่นเดียว สำหรับ vivo V50 ในช่วงต้นปีนี้ แต่ Spec กล้องก็ยังจัดเต็มให้เหมือนเดิม มีการเปลี่ยน Sensor กล้องหลัก มาเป็น Omnivision OV50e ที่ทาง vivo มีการนำมา Custom Color Algorithm Processing ที่มีชื่อว่า VCS True Color แบบเดียวกับใน vivo X200 จับคู่กับ เลนส์ ZEISS | ZEISS Color Profile และ ZEISS Bokeh ที่รองรับในกล้องทุกตัว รวมไปถึงกล้องหน้าด้วย มาดู Spec กล้องกันสักเล็กน้อยครับ

  • - Main camera 50MP | f/1.88 | Omnivision OV50e | OIS PDAF

  • - Ultra Wide Angle 50MP | f/2.0 | ISOCELL JN1 | | PDAF

  • - Front Camera 50MP | f/2.0 | ISOCELL JN1 | FOV 92 ํ | PDAF

ระยะในการถ่ายภาพ Portrait ก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 ระยะ นั่นก็คือ 23mm | 35mm | 50mm ได้ถึง 3 ระยะด้วยกัน พร้อมกับ ZEISS Bokeh ที่มีให้เราแบบเบิ้ม ๆ ครบทุก Bokeh แบบเดียวกับรุ่นพี่ vivo X200 Series

และ ในครั้งนี้ ทาง vivo ได้ใส่ Mode การถ่ายภาพแบบใหม่เข้ามาให้ เอาใจ หนุ่ม ๆ สาว ๆ สายติดแกลม ที่ชอบเอากล้อง Compact ยุคเก่า หรือกล้องฟิล์ม เท่ ๆ มู้ด ๆ โดยจะมีชื่อว่า Film Camera ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนหน้าตา UI ของ App กล้อง ไปเป็นแนว Instant Camera คล้าย ๆ กับกล้องฟิล์ม Polaroid

โดยจะมี Filter สีสันให้เราเลือกใช้งานได้ทั้งหมด 4 แบบ และมีลายน้ำ ที่เป็นสไตล์กล้องฟิล์มให้เราเลือกใช้งานกันอีกเพียบ แก้วว่า มันเป็น Gimmick ที่เท่ดีนะ แก้วลองถ่ายแบบ สาดไฟแฟลช Aura Light แบบ ปิดลายน้ำ ก็ให้ Look เหมือนกล้อง Compact มากเลยครับ

รวมไปถึงได้มีการใส่ AI ERASE เข้ามาให้เราแล้วด้วย สามารถใช้งานในการลบวัตถุ หรือสิ่งที่ไม่ต้องการออกไปได้ แล้วตัว AI จะ Generate พื้นที่ที่ถูกลบออกไปขึ้นมาทดแทนให้แบบเนียนกริ๊บ ไม่แพ้กับเรือธงเลยครับ

และ ถ้าเกิดภาพ Portrait ภาพไหนที่เราถ่ายมาแล้ว รายละเอียดหาย อาจจะเพราะถ่ายในที่แสงน้อย หรือสาเหตุต่าง ๆ ใน vivo V50 ก็มี ฟีเจอร์ Healing ปรับปรุงภาพถ่ายด้วย AI ที่ช่วยเติมรายละเอียดให้กับภาพของเรา เหมือนกับที่แก้วรีวิวใน vivo X200 Series ไป ตัวนี้ก็มีให้ครับ

vivo V50 5G : กล้องหลัก 50MP | OV50e | f/1.88

เรามาเริ่มดูภาพจากกล้องหลักกันเลยนะครับ นี่น่าจะเป็นการเปลี่ยนมาใช้ Sensor จากทาง Omnivision ในรอบหลายปีของทาง vivo เลย หลาย ๆ คนที่อาจจะไม่ได้ติดตามวงการ Sensor กล้องมือถือ คงจะสงสัยว่า Sensor แบรนด์นี้ เขาเก่งเรื่องอะไร ? จากประสบการณ์ของแก้ว 2 จุดที่ Sensor จาก Omnivision ทำได้ดีเสมอมา คือ HDR Dynamic Range และ การรักษารายละเอียดเวลาเรา Crop zoom on sensor

ซึ่งพอแก้วได้ใช้งาน ถ่ายภาพออกมาสัก 30 - 40 ภาพ ก็เห็นได้ว่า ความแตกต่างมันไม่ใช่แค่ 2 เรื่องที่แก้วพูดถึงไปก่อนหน้านี้ อีกสิ่งหนึ่งที่คิดว่า หลาย ๆ คนน่าจะชอบ คือ เรื่องความอิ่มของสีสัน เวลาเราเอาไปถ่ายภาพใน Scene ที่มีสีสันเยอะ ๆ เราจะเห็นได้เลยว่า ความอิ่ม ของสีแดง สีเขียว สีฟ้า มันดีขึ้นกว่าตอน vivo V40 พอสมควรเลย

ตัว Software Auto HDR ที่ช่วยขยาย Dynamic Range ก็ทำงานได้แม่นยำ ช่วยเก็บ Detail ในส่วน Highlight เวลาเราถ่ายภาพย้อนแสง แต่ไม่ได้ขุดภาพในส่วนเงาขึ้นมามากนัก ทำให้ยังคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้ได้อยู่

การเติม Sharpness เข้ามาในภาพ สำหรับแก้ว ถือว่าเยอะกว่าตอน vivo V40 อยู่พอสมควร ในบางจังหวะ เราอาจจะเห็นได้ว่าภาพมันจะดูแข็ง ๆ ไปบ้าง แต่ไม่ได้เติมมากจนถึงขนาดว่า มี Pixel Artifact เกิดขึ้นในภาพนะครับ

การวัดแสงก็ทำได้แม่นยำดี เวลาสภาพแสงเปลี่ยน ความสว่างก็ไม่วูบวาบ ส่วน White Balance ก็ทำงานได้ดีในทุกสภาพแสง และในทุก Mode การใช้งานครับ ทั้งการถ่ายภาพทั่ว ๆ ไป และการถ่ายภาพ Portrait

ส่วน Depth of field หรือการถ่ายภาพแบบเน้นละลายฉากหลัง ก็ถือว่าทำได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของสมาร์ทโฟน ระดับกลางเลยครับ ด้วย Sensor ที่ให้มาค่อนข้างใหญ่ และรูรับแสงของกล้องหลักที่ f/1.88 เอามาใช้ Crop zoom on sensor 2x ถ่ายภาพอาหาร ถ่ายภาพของชิ้นเล็ก ๆ ได้สบาย

PORTRAIT PHOTOGRAPHY : ภาพถ่ายบุคคล

เรามาต่อกันที่การถ่ายภาพ Portrait กันบ้างนะครับ vivo V50 5G ระยะ Portrait ที่เราสามารถใช้งานได้ก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 ระยะ ก็คือ 23mm | 35mm | 50mm เหมือนกันตอน vivo V40 5G

พร้อมกับ Filter และ Portrait Style ให้เราเลือกใช้งานอีกเพียบ ทั้งแบบที่ใช้งานตอนกลางวัน และใช้งานกลางคืน

คุณภาพไฟล์ใน Mode Portrait ของ vivo V50 5G ถ้าเป็นในสภาพแสงปกติ ที่ที่มีแสงดี ๆ คุณภาพไฟล์ในทุกระยะ ตั้งแต่ 24mm | 35mm | 50mm ถือว่าดีงามหมดเลยครับ ได้ภาพที่คมชัด ไฟล์ใส สีสันดี ตัว ZEISS Bokeh ที่มีให้เลือกใช้งานก็ครบถ้วน และทำงานได้ดีไม่ต่างจาก vivo X200 Series เลย

เวลาเราถ่าย Portrait แบบย้อนแสงตรง ๆ Software Auto HDR ทำงานฉลาดมาก ๆ สามารถรักษา Detail ในทุกส่วนของภาพเอาไว้ได้ครบถ้วน ทั้ง Highlight | Shadow เก็บมาหมด หน้าตัวแบบก็ไม่มืด แต่ไม่ได้พยายามขุดจนสว่างเกินไป

การปรับสีผิว หรือ Skintone ถ้าเทียบ vivo V40 Series ตัวนี้จะค่อนข้างมีความตรงกว่า และ มีผิวสว่างกว่าเล็กน้อย เวลาเราใช้ Beauty Profile แบบ Classic ที่จะเป็นการใช้ AI ปรับให้แบบอัตโนมัติ โดยอ้างอิงจากลักษณ์ผิวของแต่ละคน ก็ปรับออกมาได้กำลังพอดี หน้าดูเนียนขึ้น แต่ยังรักษา Detail ส่วนรูขุมขนเอาไว้ได้ครบถ้วน

ตัวการทำ Bokeh Simulation หรือการตัดขอบละลายฉากหลังนั้น สำหรับแก้ว แม่นยำกว่าตอน vivo V40 Series เล็กน้อย ในรุ่นนี้ พวกการเก็บปลายผมเล็ก ๆ ทำได้เนียนมากขึ้น แม้ Background จะมีรายละเอียดเยอะก็ตาม

เวลาเราวาง Perspective ของฉากหลัง ให้มันมีเส้นนำสายตา ที่มีความลึก ตัว Software การละลายฉากหลัง ก็สามารถจะไล่ระดับการเบลอ ได้ดู Linear ดี ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูตัดแปะ ทีนี้เวลาเรากด Shutter รัว ๆ ใน Mode Portrait จังหวะที่เรากดดูภาพ Preview ก็อาจจะต้องรอ ให้กล้องประมวลผลภาพสักนิดหนึ่งครับ อาจจะไม่ได้เร็วทันใจเหมือนรุ่นพี่ vivo X Series ครับ

ปกติเวลาแก้วถ่ายใช้งานจริง ๆ จะพยายามปรับอยู่ที่ระหว่าง f/2.8 - f/5.6 ขึ้นอยู่กับระยะห่างของฉากหลัง แต่ในรีวิวแก้วเห็น Performance ของ Software ในการเก็บขอบผม ก็จัดไป f/0.95 - f/1.4

LOW LIGHT PORTRAIT : ภาพบุคคลในที่แสงน้อย

ทีนี้การถ่ายภาพ Portrait ในเวลากลางคืน เป็นยังไงบ้าง คุณภาพไฟล์เวลาถ่ายภาพ Portrait ในช่วงกลางคืน สำหรับแก้ว ถ้าพอมีแสงสว่างจากไฟโดยรอบอยู่บ้าง สามารถใช้งานได้ทุกระยะแบบสบาย ๆ 23mm | 35mm | 50mm ไม่ต้องกังวลคุณภาพไฟล์เลย

แต่ถ้าหากเราเจอที่แสงน้อยขึ้นมาจริง ๆ ถ้าหากแสงสว่าง รอบ ๆ ไม่ได้ ให้เราเปิด ไฟ Aura Light 2.0 ขึ้นมาช่วย จะทำให้ผลลัพท์ที่ออกมานั้น ดีที่สุด

ไฟ Aura Light 2.0 ใน Generation นี้ ได้เพิ่มความแรงของแสง และ การกระจายตัวของแสงให้มากขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว ทำให้ภาพมีความสว่างขึ้น ทำให้ตัวกล้อง สามารถลดการเปิด ISO ในภาพลงมาได้ 1 เท่าตัว ไฟล์ก็จะมีคุณภาพที่ดีขึ้นไปด้วยครับ

ตัวไฟ Aura Light ของ vivo V50 ก็ยังคงสามารถปรับอุณหภูมิสีของไฟ และ ความสว่างของไฟ ให้เราแบบอัตโนมัติเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับสภาวะแสงที่เราไปถ่ายภาพนั้นเป็นยังไง ช่วยให้ Skintone ตัวแบบยังตรงอยู่ แม้เราจะเจอ Ambience Light แปลก ๆ ก็ตาม

นอกจากนั้นในรุ่นนี้ เขาก็ได้มีการใส่ Portrait Style แบบใหม่ เข้ามาให้ 2 อัน ได้แก่ Butterfly Lighting และ Rembrandt Lighting โดยทั้ง 2 Portrait Style นี้ คือ การนำเทคนิคการจัดไฟสำหรับการถ่ายภาพ Studio มืออาชีพมาให้เราใช้งานนั่นเอง สำหรับ Butterfly Lighting ผลลัพท์ที่ออกมาก็คือ ตัวแสงไฟจะถูกแบบความเข้มข้นมาที่ตรงกลางใบหน้า เพื่อให้เกิดเงาบริเวณด้านข้างใบหน้าทั้ง 2 ฝั่ง ช่วยให้ Shape ของหน้าดูมีมิติ และดูพุ่งมากกว่าการจัดไฟในรูปแบบอื่น

ส่วน Rembrandt Lighting อาจจะเรียกอีกอย่างได้ว่า คือ การจัดไฟในรูปแบบ 45 องศา ก็คือ จะมีใบหน้าฝั่งหนึ่ง ที่มีส่วนเงาค่อนข้างเยอะ มีเงาบริเวณกรอบหน้า และสันจมูก ฝั่งใด ฝั่งหนึ่งอย่างชัดเจน จะให้ Look ของภาพที่ดู Cinematic ยิ่งถ้าใช้กับ Cine-Bokeh นะ จะสวยมากครับ

กล้องมุมกว้าง 50MP | ISOCELL JN1 | 15mm | AF

เรามาต่อกันที่กล้อง Ultra Wide Angle กันบ้างนะครับ โดย vivo V50 จะยังใช้ Sensor ตัวเดิม ก็คือ ISOCELL JN1 ซึ่ง ถ้าเอาเรื่องคุณภาพไฟล์เนี่ย ก็ยังเป็นกล้อง Ultra Wide Angle ที่เราไว้ใจได้เหมือนเดิม ถึงแม้เรื่องขององศาในการรับภาพนั้น อาจจะไม่ได้กว้างเหมือน สมาร์ทโฟนเรือธงหลาย ๆ ตัว แต่ก็ ดีที่สุดใน Midrange ด้วยกันเอง ณ เวลานี้แล้ว

ในเรื่องของการ Process ตัวไฟล์ ทั้ง Dynamic Range และสีสัน ต้องบอกว่าทำออกมาได้ใกล้เคียงกับกล้องหลักเลย โดยเฉพาะเรื่องสี หลาย ๆ แบรนด์อาจจะมีปัญหา สีกล้องหลัก กับ Ultra Wide Angle มีความไม่ตรงกัน เหลื่อมกัน แต่ไม่ใช่กับ vivo V50 ครับ ปรับจูนมาได้ดีขึ้นจริง ๆ

เวลาเราเอามาถ่ายภาพย้อนแสง พวก Software Auto HDR ก็สามารถจะดึงรายละเอียดในส่วนเงา และส่วน highlight กลับมาได้กำลังดี ไม่ขุดมากจนเกินไป จนไฟล์เสียความเป็นธรรมชาติ Software Noise Reduction สามารถจัดการจุดรบกวนในส่วนเงาได้ดี โดยไม่สูญเสียรายละเอียดจนมากเกินไป

ส่วนเรื่องการจัดการ Distortion การจัดการ Chromatic Abberation ขอบเขียว ขอบม่วงเวลาย้อนแสง ทำได้ดีมาก แทบจะเท่ากับ vivo X200 แล้ว นอกจากนั้น เรายังสามารถใช้กล้องตัวนี้ในการถ่ายภาพ Macro ได้อีกด้วย เพราะเขาให้ Autofocus มา แต่แก้วแนะนำว่า ไปใช้กล้องหลัก Crop 2x | 3x จะดีกว่าครับ

เรื่อง Auto White Balance ที่เคยเป็นปัญหาอยู่บ้างในรุ่นที่แล้ว รอบนี้ก็จัดการปรับปรุงมาให้การควบคุมอุณหภูมิสีมีความแม่นยำมากขึ้น ทั้งในเวลากลางวัน และในเวลากลางคืนครับ

LOW LIGHT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพในที่แสงน้อย

ทีนี้เรามาต่อกันที่ Low Light Photography หรือการถ่ายภาพในที่แสงน้อยกันบ้างนะครับ vivo V50 เราสามารถใช้งาน Night Mode ได้ในกล้องทุกตัว ตั้งแต่กล้องหลัง จนถึงกล้องหน้า

ลักษณะในการ Process ไฟล์ภาพใน Night Mode ของทั้ง vivo V50 ค่อนข้างจะมีความคล้ายกับ vivo X200 ก็คือ ความสว่างจะไม่ได้ถูกดึงให้สว่างขึ้นมากนัก เน้นให้ส่วนที่เป็นจุดมืดในภาพสว่างขึ้นแทน Boost สีสันให้สดมากยิ่งขึ้น และเติม Sharpness กับ Clarity เข้าไปพอประมาณ ไม่ได้เติมเยอะ เท่ากับ vivo V40 Series ทำให้ภาพถ่ายที่ออกมา กลางคืนยังดูเป็นกลางคืนอยู่ และ ภาพไม่ดูแข็งจนเกินไปด้วย

คุณภาพไฟล์ในกล้องหลัก ถือว่าดีที่สุดในกล้องหลังทั้งหมด ความคมชัดดีมาก มี Noise ที่ต่ำ แต่จะมีความต่างเรื่องหนึ่งก็คือ ใน vivo V50 ระยะเวลาในการลาก Shutter จะสั้นลงกว่ารุ่นที่แล้วประมาณครึ่งวินาที และ ใช้ ISO ต่ำกว่า ทำให้คุณภาพไฟล์ดูดีขึ้น ดูใสขึ้น

ตัวกล้องหลัก การนำมาใช้งาน Night Mode ในระยะ Crop zoom on sensor 2x สำหรับแก้วคุณภาพไฟล์ที่ออกมายังเพียงพอต่อการนำไปใช้งานบน Social Media ได้สบาย แต่ก็ต้องบอกว่า เราเริ่มเห็นการ Drop ลง ของคุณภาพไฟล์ได้ง่ายกว่าตอนกลางวันนะครับ

ส่วน Night Mode ในกล้อง Ultra Wide Angle นั้น ก็ถือว่าใช้งานได้ดี ถ้าเป็นที่ที่แสงน้อยสักหน่อย ก็จะใช้เวลาในการ ลาก Shutter นานกว่ากล้องหลักประมาณ 1 วินาทีได้ แต่ถ้า Scene ที่เราเลือกถ่ายนั้น มีแสงไฟประกอบอยู่บ้างใช้เวลาแค่ครู่เดียวเราก็ได้ภาพที่สวยใสแล้วครับ

แล้วก็ถึงแม้จะไม่มี Mode Long Exposure มาให้ แต่ยังดีที่มีโหมดการถ่ายดาวมาให้ครับ

RAW File Performance : ประสิทธิภาพของ RAW File

ทีนี้เรามาต่อกันที่ RAW File Performance ของ vivo V50 ตัวนี้กันบ้างนะครับ โดยเราสามารถใช้งาน Sensor RAW ได้ในกล้องหลัก และ กล้อง Ultra Wide Angle ผ่านการใช้งานใน Mode Pro นะครับ

RAW File ในกล้องหลัก vivo V50 ถือว่า ทำได้ดีขึ้นกว่าตอน vivo V40 5G อยู่เล็กน้อย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นในเรื่องของ Noise Performance ที่มีจุดรบกวนที่เป็น Luma Noise เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนในเรื่องความยืดหยุ่นในการนำมา Process ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับ กล้องหลักของ vivo V40 5G ครับ

แก้วลองถ่าย RAW File มาในหลายสภาพแสงพอสมควร ทั้งถ่ายตามแนวแสงปกติ และถ่ายย้อนแสง คุณภาพไฟล์ที่ได้นั้น ก็เพียงพอต่อการใช้งาน ขุดเงา ขุด Highlight เยอะ ๆ แล้ว ยังไม่เจอ Artifact มีแค่ Noise ที่ต้องเก็บนิดหน่อย

ส่วน RAW File จากกล้อง Ultra Wide Angle เอาจริง ๆ แก้วค่อนข้างคาดหวังเหมือนกันนะ ว่าเขาจะมีการกับ Distortion Correction มาให้เหมือนกับตอนถ่ายด้วย JPEG แต่ก็เหมือนเคยครับ ยังไม่ได้มีการแก้มาให้ ใครที่มีประสบการณ์ในการแต่งภาพน้อยสักหน่อย ก็อาจจะใช้ RAW File จากกล้องตัวนี้ยากสักนิดหนึ่งครับ

แต่ยังดีที่ คุณภาพไฟล์ในกล้อง Ultra Wide Angle ตัวนี้ ก็ได้รับการปรับปรุงเรื่อง Noise Performance มาเหมือนกัน ทำให้การใช้งาน RAW File ในช่วงเย็น ๆ หรือ ในที่แสงน้อย ยังพอจะใช้งานได้ดีอยู่ครับ

FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 50MP | ISOCELL JN1

ดูภาพนิ่งในกล้องหลังกันไปครบถ้วนแล้ว เรามาดูภาพนิ่งในกล้องหน้ากันบ้างนะครับ สำหรับกล้องหน้าของ vivo V50 ยังใช้ Sensor ISOCELL JN1 เหมือนเดิม มีค่า f/stop ที่ 2.0 พร้อมกับ Autofocus และ Eyes AF ซึ่งแก้วแนะนำว่า ครั้งแรกที่ได้เครื่องมา ให้ไปเปิด Eyes Autofocus ก่อนเลยใน Setting นะครับ

เราสามารถเลือกระยะได้ 3 ระยะ ก็คือ 0.8x | 1x | 2x เวลาเราใช้ Selfie สามารถจะใช้ ZEISS Bokeh effect ได้เหมือนกับกล้องหลังเลย แต่จำนวนจะน้อยกว่า ที่แก้วชอบใช้บ่อย ๆ ก็จะเป็น Classic | Plana กับ Distagon นะครับ

ซึ่ง ความแม่นยำในการเบลอหลัง และตัดขอบเก็บปลายผมต่าง ๆ ทำได้ดีขึ้นกว่าตอน vivo V40 Series เล็กน้อย โดยส่วนใหญ่สามารถทำได้เนียนตา ไม่มีปัญหาแล้ว ยกเว้นแต่ว่า เราเจอฉากหลังที่รกจริง ๆ หรือมีรายละเอียดที่ใกล้เคียงกับตัวแบบ อาจจะทำให้ตัดพลาดไปได้บ้าง

สิ่งที่แก้วชอบกล้องหน้า ของ vivo V Series เสมอมา คือไม่ว่าเราจะ Selfie ในสภาพแสงแบบไหน ก็เอาอยู่หมดจริง ๆ ทั้งสภาพแสงปกติ ย้อนแสง หรือในที่แสงน้อย ไว้ใจได้ตลอด ถ้าแสงไม่พอจริง ๆ เราสามารถเปิดฟีเจอร์ Flash ในกล้องหน้าขึ้นมาช่วยก็ได้

VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ

ตอนนี้ทุกคนก็ได้เห็นภาพนิ่งกันไปครบถ้วนแล้วนะครับ เรามาดูการถ่าย Video กันบ้าง สำหรับการถ่าย Video ใน vivo V50 ทั้ง Resolution สูงสุดที่สามารถถ่ายได้ ทั้งในกล้องหน้า และกล้องหลัง จะอยู่ที่ 4K 30fps แต่ถ้าเราต้องการจะสลับไปกล้องไปมาระหว่างการถ่าย จะต้องลด Resolution ลงมาที่ 1080p 30fps เสียดายจุดนี้ อยากให้ทำได้แล้ว

สำหรับคุณภาพไฟล์ Video ถ้าวัดกันที่ 4K 30fps ถือว่าทำได้ใกล้เคียงกับ vivo V40 5G ทั้งในแง่ของรายละเอียด ไปจนถึง Dynamic Range ที่เก็บมาได้ ขนาดว่าถ่ายย้อนแสงก็ไม่ต้องกลัวหน้ามืดเลย โดยที่มี Bitrate Video สูงสุดที่ 50mbps แต่จะมีส่วนของสีสัน ที่ vivo V50 จะมีความอิ่มสี และ Contrast ที่มากกว่า การกันสั่น ในกล้องหลัก และ Ultra Wide Angle ของทั้ง 2 รุ่นในสภาพแสงปกติใช้งานได้ดีทั้งคู่ เดินไปถ่ายไปได้ ด้วยมือข้างเดียวแบบสบาย ๆ


ใน Software ติดเครื่อง มีอยู่คลิบหนึ่งที่แก้วลืมเปิด Eyes AF แล้วไปถ่ายวีดีโอย้อนแสง เจออาการ Focus Hunting อยู่บ้างเล็กน้อย แนะนำว่าให้เปิด Eyes AF เอาไว้เลยจะดีกว่าครับ นอกจากนั้นเขาก็ยังมี Mode Cinematic Video ที่ได้ Bokeh แบบ ZEISS มาให้เราใช้งานในกล้องหลัง และกล้องหน้า ที่ความละเอียด Full HD 24fps ด้วยนะครับ


PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ

ทีนี้ Performance ตัวเครื่องในการใช้งานจริงเป็นยังไงบ้าง ? ถ้าให้แก้วสรุปสั้น ๆ ก็คือใกล้เคียงกับ vivo V40 5G นั่นแหละ เพราะยังใช้ SoC ตัวเดิมอยู่ อย่างเจ้า Qualcomm Snapdragon 7 Gen 3 ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับราคาเดียวกันหลาย ๆ ตัว ถือว่ายังพอแข่งขันได้เรื่องความแรง แต่ใจจริงคาดหวังว่าจะได้เห็น 7+ Gen 3

ถึงแม้ SoC จะไม่ใช่รุ่นใหม่ แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานในรูปแบบที่เป็น Daily Task ได้แบบลื่นไหล ไม่มีปัญหาใดใด ทั้งการใช้งาน Social Media | การใช้งาน Application ในการทำงาน เช่นพวก Lightroom Mobile , Capcut , G Suite ต่าง ๆ

นอกจากตัว SoC ที่แก้วอยากได้ตัวใหม่แล้ว เวอร์ชั่นของ RAM และ ROM ก็อยากให้อัพเดต เช่นกัน เพราะตอนนี้ RAM ก็ยังเป็น LPDDR4X และ ROM ก็ยังเป็น UFS 2.2 อยู่ อย่างน้อย ๆ อยากเห็น LPDDR5X กับ UFS 3.0 แล้วครับ

UX/UI และ Operation System ของ vivo V50 ตัวนี้ จะเป็น Android 15 ครอบทับ Funtouch OS 15 ซึ่งทาง vivo ได้จัดการกับพวก App Bloatware ต่าง ๆ ออกไปเกือบหมดแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ก็จะเป็นพวก Pre-Installation Game หรือ App พวก Ecommerce Shopping ต่าง ๆ พวก Push Notification ในหน้า Search ต่าง ๆ สามารถปิดทิ้งได้หมด

ส่วนในเรื่องของการเล่นเกมนั้น นี่อาจจะเป็นจุดที่แก้วรู้สึกว่าธรรมดาที่สุด เมื่อเทียบกับคู่แข่งในช่วงราคาเดียวกัน เพราะว่า SoC Snapdragon 7 gen 3 นั้น ถึงจะแรงเพียงพอต่อการเล่นเกม Main Stream ได้เกือบทั้งหมดแล้ว แต่ถ้าเราต้องการ Graphic Setting ที่สูง และความลื่นไหลเวลาที่เล่นต่อเนื่องนาน ๆ

อย่างเกมที่แก้วไป Test มาก็จะเป็นเกมแนว MMORPG เป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Ragnarok M : Classic | Summorner Wars Chronicle| Morimens ตัวกราฟิก Setting นั้นเราสามารถปรับได้ในระดับสูงสุดทั้งหมดเลย แต่ถ้าต้องการจะเล่นให้ได้ FPS ลื่น ๆ ในระยะยาว ปรับ Graphic Setting เป็น Medium จนถึง High จะดีกว่าครับ

AI FEATURES : การใช้งาน AI

นอกจาก AI ในด้านการถ่ายภาพแล้ว vivo V50 5G ก็ยังมาพร้อมกับ AI ที่เราสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันแบบครบ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Gemini | Circle To Search | AI Note ที่เราใช้งานในการช่วยเขียน Content , สรุปบทความ , ทำ To-Do List , แปลภาษาต่าง ๆ มีให้ครบ

สำหรับในเรื่องของ Battery Life แก้วขอแยกออกมาเป็น 2 ลักษณะในการใช้งาน ดังนี้ครับ

vivo V50
  • - ใช้งานทั่วไป | Social Media | Entertainment ใช้กล้องนิดหน่อย : 8 ชั่วโมง 51 นาที

  • - ใช้กล้องเยอะ | เปิดแสงหน้าจอกลางแจ้งนาน | ใช้การนำทางเยอะ : 7 ชั่วโมง 25 นาที

ความเร็วในการชาร์จของ vivo V50 5G นั้น รองรับ vivo FlashCharge 90W ใช้เวลา 0-100% ที่ ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง รวมไปถึงรองรับ Adapter ที่เป็นในรูปแบบ PD อีกด้วยนะครับ

OVERVIEW & OPINION

สำหรับแก้วแล้ว vivo V50 นั้น เป็นเหมือนกับ Minor Change จาก vivo V40 Series มีการปรับปรุง Hardware และ Software เพื่อให้ได้ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่แพ้กับเรือธง ตั้งแต่ Design ตัวเครื่องที่สวยงาม ลงตัวเหมือนเดิม แต่มาพร้อมกับความแข็งแรงที่มากขึ้น เป็นครั้งแรกของ vivo V Series ที่รองรับ IP Rating IP68/69 และมีโหมดการถ่ายภาพใต้น้ำ

ปรับหน้าจอจาก 3D Curved Display ที่หลายคนรู้สึกใช้งานลำบาก มาเป็น Micro Quad Curved Display ที่มีความโค้ง 4 ด้านแบบเล็กนิดเดียวเท่านั้น ให้ Feeling การใช้งานเหมือนกับจอของรุ่นพี่ vivo X200 Series เวลาใส่ Case เข้าไปแล้ว ประสบการณ์การใช้งานแทบไม่ต่างจากจอแบนโดยปกติทั่วไปเลย แต่เราจะได้การลากนิ้วตามขอบจอ เพื่อใช้ Gestures ที่ Smooth นิ้ว


ส่วนของ Performance ตัวเครื่อง ยังคงใช้ SoC Snapdragon 7 Gen 3 คนดีคนเดิม ที่ถึงแม้จะเป็นตัวเดียวกับใน Generation ที่แล้ว แต่ก็ยังเพียงพอต่อการใช้งานทั่ว ๆ ไป ในรูปแบบ Daily Task ไปจนถึงใช้ในการทำงานได้ จะมีแค่เรื่องของการเล่นเกม ที่เมื่อเทียบกับคู่แข่งในราคาเดียวกัน ความแรง กับ คะแนน Benchmark อาจจะดูน้อยกว่าพอสมควร


ในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ ได้มีการเปลี่ยน Sensor กล้องหลัก มาใช้จากทาง Omnivision เป็น OV50e ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย และมีการปรับปรุงเรื่องของการ Process ภาพ ให้มีสีสันที่สดขึ้น ภาพสว่างขึ้น และมี Dynamic Range ที่กว้างกำลังดี ไม่ใช้ Auto HDR ขุดหนักจนเกินไป


ยังคงมาพร้อมกับ เลนส์ ZEISS และ ZEISS Portrait Bokeh แบบครบ ๆ เหมือนเคย สามารถใช้งานได้ 3 ระยะด้วยกัน มีการใส่ Portrait Style รูปแบบใหม่ ที่ใช้งานร่วมกับ Aura Light 2.0 ที่เป็นการนำเทคนิคการจัดไฟในสตูดิโอแบบมืออาชีพ มาให้เราใช้งานกันแบบง่าย ๆ แสงไฟก็แรงขึ้น นุ่มขึ้น จากขนาดของไฟที่ใหญ่กว่าเดิม


จากทั้งหมดที่เล่ามา vivo V50 ตัวนี้ ยังคงเป็น Midrange Lifestyle Phone ที่ครบเครื่องเหมือนเดิม ทั้งความหรูหรา Design ที่สวยงาม และยังคงมี ประสิทธิภาพในเรื่องการถ่ายภาพ ทั้งกล้องหน้า กล้องหลังที่เราไว้ใจได้เหมือนเคยครับ


ราคาวางจำหน่าย vivo V50 5G

  • vivo V50 5G 12GB + 256GB ราคา 15,999.-

  • vivo V50 5G 12GB + 512GB ราคา 17,999.-

 

[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]  Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer    

IG : kaew.ravie #vivoV50 #PortraitSoPro #ถ่ายที่รักอย่างโปร


Comments


  • White Facebook Icon
  • White Instagram Icon
About us

MobilePhotographer คือ Community ของคนชอบถ่ายภาพ ด้วยมือถือ มี Content | Review Smartphone | Review ท่องเที่ยว | รวมไปถึง Photography Tips เพียบ

 

Read More

 

Follow us on
  • White YouTube Icon
  • White Facebook Icon

© 2017 by MobilePhotographer | ประเทศไทย | Email : sitthikitrv@gmail.com 

bottom of page