top of page
รูปภาพนักเขียนแอดมินแก้ว

vivo X90 Pro Plus | ยกเครื่องใหม่ เอาใจสาย Pro มากกว่าที่เคย และไม่ได้มีดีแค่ Sensor 1 นิ้ว

สวัสดีครับทุกคนกลับมาเจอกับแก้ว และ Smartphone จากทาง vivo กันอีกครั้งนะครับ วันนี้แก้วอยู่กับ ตัวสุดประจำปี 2023 จากทาง vivo นั่นก็คือ vivo X90 Pro Plus ที่หลาย ๆ คนอาจจะโฟกัสในเรื่องของการ Upgrade Sensor ตัวกล้องมาเป็น 1 นิ้ว อย่าง IMX989 แต่ต้องบอกว่า มันมีอะไรที่น่าสนใจกว่านั้นอยู่มากเลย ไปชมรีวิวกันครับ

SPECIFICATION
  • Body Dimensions : 164.4 x 75.3 x 9.7

  • Weight : 221 g

  • Display : 6.78 inch | LTPO4 AMOLED, 1B colors, 120Hz, Dolby Vision, HDR10+, 1800 nits (peak) Resolution 1440 x 3200 pixels Screen ratio 20:9

  • Chipset : Snapdragon 8 Gen 2 | RAM : 12GB LPDDR5 | ROM : 256GB UFS Storage 4.0

  • Stereo Speakers | Ultra Sonic Fingerprint Scanner | IP68

  • WiFi 6E | Bluetooth 5.3 | 5G | Type-C 3.2

  • Battery 4700 mAh | SuperCharge 66W

  • Operation System : Origin OS 3

WHAT'S IN THE BOX : อุปกรณ์ภายในกล่อง
  • - เครื่อง HUAWEI Mate 50 Pro

  • - 66W Adapter Charge | USB-C Cable

  • - Protection Case Transparent

  • - Protection Film

  • - Sim Card Ejector

  • - Manual Guide

DESIGN : การออกแบบ

ภาพรวมงานออกแบบตัวเครื่องของ vivo X90 Pro Plus นั้น เน้นออกมาให้ลุคที่ดู Sport Premium Element โดยรอบมีทั้งส่วนที่ดูใหม่ และส่วนที่ดูคุ้นตา ยิ่งถ้าใครที่เคยใช้ vivo X-Series มาก่อนแก้วคิดว่า น่าจะพอคุ้น ๆ ในหลายจุดเลย


สีตัวเครื่องที่แก้วเลือกมาจะเป็นสีแดง วัสดุที่ใช้ในการทำฝาหลัง ตอนแรกนึกว่าเป็น Silicone ปั้มลาย เพราะสัมผัสไม่เหมือนกับ Vegan Leather เลย แต่สรุปเช็ค Fact Sheet มาจะเป็น Faux leather ปั้มลายหนังแท้ Texture ค่อนข้างชัดเจนสวยงาม แถมไม่เหนียวมือ เหมือนตอน vivo X60 Pro Plus ด้วยนะ

ส่วนของ Module กล้อง ยังคงลักษณะเป็นวงกลม ชิดด้านซ้ายเอาไว้เหมือนกัน vivo X80 Pro 5G แต่ว่าจะมีการตัดส่วนกระจกถมดำออกไป เสริมขอบโลหะกึ่งสะท้อนแสง สีเดียวกับฝาหลังขึ้นมา และต้องบอกว่าความนูนของ Module กล้องนั้น นูนมาก ๆ แก้วแนะนำให้ใครที่ซื้อไปใช้หาเคสดี ๆ มาใส่แทน เคสที่มีให้ในกล่องจะดีที่สุด

ใต้ Module กล้องจะมีการเสริม Belt Line เป็น เส้นโลหะขัดเงา ที่ลากมาจากบริเวณขอบเครื่อง ตัดผ่านฝาหลังเครื่อง และมีการ Laser UV เป็นคำว่า Xtreme Imagination | vivo ZEISS Co-engineered คือ ส่วนนี้คนอื่นคิดยังไงไม่รู้นะ แต่โดยส่วนตัวของแก้ว ที่มีวิชางานออกสมัยมหาลัยเป็นทุนเดิม แก้วว่ามันไม่ลงตัวเท่าไหร่ มันเป็นการออกแบบที่ ดูยัด ๆ สัดส่วน ระยะห่างของสิ่งต่าง ๆ มันดูประหลาด ไปหน่อย

Frame ของตัวเครื่องเป็น โลหะ แบบมันเงา โดยที่จะมีความหนาอยู่ที่ 9.7mm ซึ่งหนากว่า vivo X80 Pro 5G อยู่เล็กน้อย สำหรับแก้วแล้ว แอบรู้สึกว่าหนาเหมือนกันเวลาจับถือใช้งาน แต่เข้าใจได้เพราะว่า เขาต้องการพื้นที่ในการวาง Sensor ขนาด 1 นิ้ว และชิ้นเลนส์ที่จะต้องมีระยะห่างพอสมควร พอ ๆ กับ Xiaomi 12S Ultra ที่ใช้ Sensor 1 นิ้วเหมือนกัน

บริเวณด้านบนของตัวเครื่องก็จะเป็นที่อยู่ของ Choker Professional Photography เหมือนเดิม ตาม Style vivo X-Series ถึงแม้ว่าหลัง ๆ จะแอบไปโผล่ใน V-Series บางตัวบ้างก็ตาม นอกจากนั้นก็ยังมี Microphone | IR Blaster | Speakers ที่เราคุ้นเคยครับ

บริเวณด้านล่างของตัวเครื่องก็จะเป็นที่อยู่ USB-C 3.2 | ช่องลำโพง Stereo | Microphone | Sim Card Tray นั่นเองครับ ทั้งขนาด ตำแหน่งการจัดวางนั้น เหมือนกับใน vivo X80 Pro เป๊ะ ๆ เลยครับ

DISPLAY : หน้าจอแสดงผล

เรามาต่อกันที่ส่วนของหน้าจอแสดงผล vivo X90 Pro Plus กันครับ ขนาดหน้าจอจะอยู่ที่ 6.78 นิ้ว Curved display เท่าเดิมกับรุ่น vivo X80 Pro 5G รูปแบบ Panel หน้าจอ ได้รับการอัพเกรดมากเป็น LTPO 4.0 AMOLED ขอบเขตการแสดงผลสีอยู่ที่ 1B colors มีค่า Refresh Rate 120Hzความละเอียด หรือ Resolution ของหน้าจออยู่ที่ 2K+ รองรับ Dolby Vision | HDR10+

การแสดงผลสีสันหน้าจอ ณ เวลานี้ ปลายเดือนมกราคม 2023 แก้วถือว่า นี่คือ Smartphone Android ระดับ Flagship ที่หน้าจอสวยที่สุดแล้วครับ เวลาแก้วถ่ายภาพเสร็จ แล้วมาเช็คไฟล์ภาพ ซูมดูสิ่งต่าง ๆ ให้รายละเอียดที่คมชัดในทุกสภาพแสงเลย

รูปแบบ Color Profile สีสันของหน้าจอ เราไม่ต้องมาลุ้นว่า มันจะเหมาะกับเราไหม ? บางคนชอบสีสด ภาพสว่าง ๆ Contrast แน่น ๆ ก็ตั้ง Profile ไปที่ Bright ส่วนถ้าใครชอบกลาง ๆ ไม่หวือหวามาก ตั้งไปที่ Standard โดยส่วนตัวแล้ว แก้วชอบภาพที่มันสบายตา Contrast ไม่จัดมาก ไม่เร่งสีสดเกิน แก้วก็จะใช้ Color Profile ตัวล่าสุดที่ใส่เข้ามาให้ในรุ่นนี้ ก็คือ ZEISS Natural Color นั่นเองครับ

ชมมาเยอะละ มาดูข้อสังเกตกันบ้างครับ ในการเล่น Social Media ที่ App Facebook และ Instagram ถ้าเราบังคับเปิด Refresh Rate หน้าจอเอาไว้ที่ 120Hz เวลาเข้ามาเล่นแอพ พวกนี้มันลดลงไปเหลือแค่ 60Hz เท่านั้น แต่ถ้าเราตั้ง Refresh Rate เป็นแบบ Dynamic หรือ Adaptive จะสามารถไถ Feed ลื่น ๆ ได้ที่ 120Hz เหมือนเดิมครับ แก้วคิดว่าน่าจะเป็น Bug แหละ รอการแก้ไขต่อไป

การแสดงผล Content Streaming ต่าง ๆ ทั้ง Netflix | Youtube | HBOGO สามารถจะดูได้ที่ความละเอียดสูงสุด รองรับการแสดงผล HDR ต่าง ๆ ได้ครบถ้วน ถึงแม้ว่าจะเป็น ROM จีนก็ตาม ขอให้สบายใจได้

ที่สภาพแสงแบบแดดเปรี้ยง จน Highlight ขึ้นที่มือแก้วตอนถ่ายภาพขนาดนี้ ความสว่างหน้าจอ 1,800 nits ก็คือ เอาอยู่ เห็นรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่างบนหน้าจอได้ชัดเจนมาก ๆ ที่สำคัญเวลาเราใช้ความสว่างหน้าจอ Peak Brightness สุดแบบนี้ ถ้าเป็น iPhone 14 Pro Max ของแก้ว คือไม่เกิน 5 นาที แสง Drop ละ แต่ใน vivo X90 Pro Plus คืออยู่ได้เกือบ ๆ 10 นาที สบาย ๆ

CAMERA : กล้องถ่ายภาพ

ถ้าคนที่ดู Spec กล้องแบบผิวเผิน ดูแค่เรื่องระยะว่ามีมาให้เท่าไหร่ ? ความละเอียดภาพมากน้อยแค่ไหน ก็อาจจะพลาดเรื่องที่น่าสนใจไปหลายเรื่องเลย เพราะว่า vivo X90 Pro Plus นั้น เรื่องของ Hardware และ Sensor คือ จัดเต็ม จัดหนัก มากที่สุดเท่าที่ vivo จะเคยทำมาแล้ว ไปดูกันครับ

  • - MAIN CAMERA 50.3MP | f/1.8 | 23mm | IMX989 1.0-type | OIS Dual Pixel PDAF | Laser AF

  • - ULTRA WIDE ULTRA 48MP f/2.2 | 14mm | IMX589 | องศาการรับภาพ 114˚ | AF

  • - MEDIUM TELEPHTO 50MP f/1.6 | 50mm | IMX758 | OIS

  • - PERISCOPE TELE 64MP f/3.5 | 90mm | OV64B | PDAF | OIS

  • - ZEISS OPTIC | T* Coating

หมดยุคการให้ Sensor กล้องถ่ายภาพแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของ vivo แล้ว เพราะครั้งนี้ Prime Camera ทั้งหมดจริง ๆ ตั้งแต่ Sensor คุณภาพสูงในทุกๆ กล้อง และ ชิ้นเลนส์ที่ได้รับการ Coating จาก ZEISS ในทุกตัว เสริมระบบโฟกัสอย่าง Dual Pixel PDAF และ Laser Focus มาเอาใจคนถ่าย Video การ Shift Focus ทำได้นุ่มนวล และแม่นยำมากยิ่งขึ้น

MAIN CAMERA : 50MP | IMX989 | f/1.8

นี่คือครั้งแรกของ vivo ที่ได้หยิบ Sensor ขนาดหนึ่งนิ้ว อย่าง IMX989 มาใช้งานกัน หลังปล่อยให้ LEICA ใช้มา 2 ปี และ Xiaomi ใช้มาแล้ว 1 ปี Fine tuning เรื่องความร้อนกันกว่าจะลงตัว ส่วน vivo ก็รอจังหวะที่ Sensor ตัวนี้มันจัดการความร้อนได้ดีเพียงพอแล้ว ค่อยหยิบเอามาใส่ ซึ่งตอนนี้หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า Sensor ขนาด 1 นิ้ว หรือ Type 1.0 เนี่ย มันต่างจาก Sensor ในรูปแบบเดิม ๆ ยังไงกันบ้าง ?

- มีพื้นที่รับแสงได้มากขึ้น รายละเอียดในจุดเล็ก ๆ ของภาพจะครบกว่า โดยที่ไม่ต้องใช้ Sharpen ช่วยเยอะ ถ่ายภาพชัดตื้นได้ง่ายกว่าเดิม ยิ่ง Sensor ใหญ่ขึ้น Depth of field ก็จะมาขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย
Dynamic Range เมื่อปิด HDR ดีขึ้นในทุกย่านความสว่าง Highlight ไม่หลุด Shadow ไม่ทึบ ไฟล์ภาพเป็นธรรมชาติมากขึ้น

Character ของภาพถ่ายที่จะเปลี่ยนไปจาก X-Series generation ก่อนหน้านี้ ในเกือบทุกกล้อง รวมถึงกล้องหลักตัวนี้ด้วย ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ โทนสีภาพ ที่มีความสดใสมากขึ้น เอาจริง ๆ คล้ายกับ vivo X80 ตัวธรรมดา แต่ว่า ไม่ได้สีสดจนถึงขนาดว่าผิดธรรมชาตินะครับ

โดยส่วนตัวแล้ว แก้วไม่ได้เป็นคนชอบภาพถ่ายที่มีสีสันฉูดฉาด เวลาที่แก้วถ่ายภาพจะเปิด ZEISS Tone เอาไว้ตลอด เผื่อลด Saturation ลงมา ภาพใน vivo X90 Pro Plus ตอนเปิด ZEISS Tone ภาพสดของสีสันนั้น จะพอ ๆ กับ vivo X80 Pro 5G

การถ่ายภาพย้อนแสง T*Coating ยังเป็นสิ่งที่เรานั้นไว้ใจได้เหมือนเดิม Flare น้อย ถึงมีก็จะนุ่ม ๆ ตัว Software HDR ยังทำงานได้ตามมาตราฐานเหมือนเดิม แต่ถ้าใครมีโอกาสใช้รุ่นนี้ แก้วอยากแนะนำให้ปิด HDR ไปเลย อยากให้ สัมผัส Dynamic Range จริง ๆ ตรงจาก Sensor เพราะภาพที่ได้มันเป็นธรรมชาติกว่าเปิด HDR อยู่พอสมควร

ในส่วนของการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ Optical Depth of field ในกล้องตัวนี้คือที่สุด เราสามารถถ่าย Object ที่อยู่ห่างไป 50 ซม. โดยที่ฉากหลังนั้น ละลาย เบลอสวยไปแล้ว โดยที่ไม่ต้องเอากล้องไปจ่อ ให้ Perspective มันเสียเปล่า ๆ

ยิ่งถ้าใช้การ Crop on sensor 2x เอาไปด้วยเนี่ย ลืมไปเลย ว่ามี Software Bokeh ให้ใช้ Depth of field ที่ได้มันพอแล้ว พอมันมี Depth ที่มากขึ้น ภาพที่ได้ก็จะเริ่มหลุดจากคำว่ากล้องมือถือไปเรื่อย ๆ แล้ว นี่ f/stop ของกล้องอยู่ที่ 1.8 ถ้าปีนี้ มีใครเอา 1.6 , 1.4 มาใส่ Sensor ตัวนี้ได้ Depth ก็ดีมากขึ้นไปอีก

MEDIUM TELEPHOTO 50MP | 50mm | IMX758 | f/1.6

ถ้าคุณเคยประทับใจกับกล้องระยะกลางใน vivo X70 Pro Plus และ vivo X80 Pro 5G ที่ถ่ายภาพบุคคลได้สวย ให้รายละเอียดที่คมชัดน้อง ๆ กล้องหลัก หรือจะเอาไปถ่ายอาหาร ภาพสินค้าก็ได้ Optical Depth of field ที่กำลังดี กล้อง 2x ตัวใหม่ ใน vivo X90 Pro Plus ตัวนี้ จะทำให้คุณรักระยะ 50mm มากกว่าเดิม

ในครั้งนี้ vivo ได้เลิกใช้งาน Sensor ความละเอียด 12MP ที่ใช้มาตั้งแต่ vivo X60 Pro ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ได้เปลี่ยนมาใช้ IMX758 ซึ่งเป็น Sensor สดใหม่จากทาง Sony ออกมาในช่วงปลายปี 2022 นี้เอง จุดเด่นของ Sensor ตัวนี้ก็คือ มันมีขนาดที่ใหญ่กว่า Samsung ISOCELL GN1 ที่เป็นกล้องหลักของ Google Pixel 7 Pro ซะอีก อาจจะแพ้ในเรื่อง Pixel size เพราะว่า GN1 จะอยู่ที่ 1.2μm ในขณะที่ IMX758 อยู่ที่ 0.7μm ซึ่งจะถูกนำไปใช้เป็น Sensor ในกล้องหลักของ Smartphone ระดับกลางในปี 2023 นี้อยู่หลายตัว

ทำให้คุณภาพของไฟล์ภาพในกล้องตัวนี้นั้น ถูกยกระดับขึ้นมาจากแต่ก่อนค่อนข้างชัดเจนมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น รายละเอียดของภาพที่ดีขึ้น เราสามารถจะใช้กล้องตัวนี้ในการถ่ายภาพ Mode Hi-res ได้แล้ว

Software ช่วยเหลือในการถ่ายภาพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น HDR | Auto White Balance ในกล้องตัวนี้ก็ทำออกมาได้ไร้ที่ติจริง ๆ แต่ในบางครั้ง แก้วยังเจอการวัดแสงอัตโนมัติ จะติด Over +1 stop อยู่บ้าง ในสภาพแสงที่มันยาก ๆ ซึ่งคิดว่า สามารถแก้ไขได้ด้วยกัน อัพ Software

Depth of field ในกล้องตัวนี้ เป็นสิ่งที่ค่อนข้าง Surprise ทีเดียว เพราะว่าเวลาที่เราใช้กล้องระยะนี้ในการถ่ายภาพ Object ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร หรืออาจจะเป็นภาพบุคคลในระยะครึ่งตัว ผลลัพท์ที่ได้คือ ฉากหลังเบลอไปแล้ว หลุดออกไปในระดับที่ ถ้าฉากหลังไม่ได้รกมาก มันพอเลย ไม่ต้องเปิด Bokeh ขึ้นมาช่วยก็ได้

ความอเนกประสงค์ มันก็เลยมากขึ้น แทนที่จะเอาไว้ถ่ายคนอย่างเดียว กล้องตัวนี้เริ่มเหมาะกับการถ่ายภาพ Street | ภาพสินค้า | ภาพอาหาร มากกว่าเดิม เพราะ Perspective สวย สัดส่วนภาพไม่บวม ไม่เบี้ยว ไม่ต้องเข้าใกล้วัตถุมาก

PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล

เอาจริง ๆ แล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การถ่ายภาพ Portrait คือสิ่งที่ vivo ทำได้ดีที่สุด เหนือทุกแบรนด์ที่แก้วเคยจับมาตลอดการทำ Page การจะบอกว่าภาพ Portrait ดีที่สุด มันไม่ใช่แค่เรื่อง Bokeh สวยไหม ? Beauty ดีไหม ?

แต่มันรวมไปถึง ระยะของเลนส์ที่ vivo ให้เรามาตั้งแต่ X60 Pro อย่างระยะ 2x หรือ 50mm เป็นระยะที่ เวลาถ่ายภาพบุคคลแล้ว สัดส่วนจะผิดเพี้ยนน้อยกว่าในกล้องหลักมาก ๆ หรือจะเป็นเรื่อง ความละเอียดของการปรับแต่ง Beauty Mode นั้น Deep down ถึงขั้น แก้ไข Skintone ได้ตั้งแต่ก่อนกดชัตเตอร์เลยซึ่ง vivo ก็ใส่ใจเรื่องนี้ มาตั้งแต่ vivo X60 Pro Plus ไหนจะเรื่องการปรับแก้ไข ขนาด Bokeh ภายหลังได้อีก

ใน vivo X90 Pro Plus นั้น vivo ได้อัพเกรดส่วนของ Software ในการถ่ายภาพมาให้เราเล็กน้อยเท่านั้น ก็คือ จะมี Bokeh แบบใหม่ที่เรียกว่า Cinematic Flare และ เพิ่มเติม ความแม่นยำของ Beauty Mode มาให้เท่านั้น

สิ่งที่มันเป็น Game Changer จริง ๆ ก็คือ กล้อง Periscope Telephoto ในระยะ 3.5x หรือ 90mm นั้น สามารถที่จะใช้งาน Portrait Software ได้แบบเต็มที่ ไม่มีข้อจำกัด เหมือนใน vivo X80 Pro 5G มาครั้งนี้ เลือก Bokeh ได้ครบ ปรับ Beauty ได้สุด

เท่ากับว่าระยะในการถ่ายภาพ Portrait ของเราก็จะเพิ่มมาเป็น 3 ช่วง ได้แก่ 23mm | 50mm | 90mm ซึ่ง 3 ระะนี้ก็จะให้ Mood ของภาพที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนตัวแล้ว ระยะที่แก้วชอบมากที่สุดก็ยังคงเป็น ระยะ 50mm เหมือนเดิม เพราะว่า Frame ภาพ ไม่แน่นจนเกินไป

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การถ่ายภาพ Portrait ด้วยกล้อง 2x หรือ ระยะ 50mm เป็นระยะที่ดีที่สุดใน vivo X90 Pro Plus ก็คือ ค่ารูรับแสงที่กว้าง f/1.6 ซึ่งกว้างที่สุดในตลาดแล้ว ในระยะ 50mm นี้ และยังได้ Sensor ใหม่ที่คุณภาพสูงกว่าเดิมมาก มาประจำการ อย่าง IMX758 ทำให้ Low Light Portrait Photography จะมีคุณภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ULTRA WIDE ANGLE 48MP | 14MM | 114 ํ | IMX589 | f/2.2

เรามาต่อกันที่กล้อง Ultra Wide Angle หรือกล้องมุมกว้าง ความละเอียด 48MP ที่ใช้ Sensor จากทาง Sony อย่าง IMX589 กันดีกว่าครับ ถ้าเป็นคนที่เคยใช้กล้อง Ultra Wide Angle ใน vivo X80 Pro 5G มาก่อน คุณภาพไฟล์นั้น ไม่ได้ห่างกันอะไรมากมายนัก สีสันของภาพใกล้เคียงกับกล้องหลัก แต่ตัวนี้อาจจะมี " ติดฟ้า " เล็ก ๆ ในสภาพแสงที่ Cloudy หรือ ช่วงแสงน้อย

สิ่งที่ถูกปรับปรุงมาหนัก ๆ ในกล้องตัวนี้ ก็จะมีแค่เรื่องของ ขอบภาพที่ฟุ้งน้อยลงในทุกสภาพแสง แต่มันไม่ได้หายไปสนิทนะ มันยังมีอยู่บ้างประมาณ 3% ตามมุมภาพทั้ง 4 มุม Distortion หรือการยืด การบิดเบี้ยวตามขอบภาพ น้อยลงพอสมควร

การ Post Process ภาพหลังจากกดถ่าย ตัว Software HDR ในบางครั้งอาจจะมีการทำงานผิดเพี้ยนไปบ้าง เช่น ลดแสงส่วน Highlight ลงไปจนสนิท แต่ว่า ไม่มีการเติมแสงในส่วน Shadow ขึ้นมาให้ Balance กัน แต่มันไม่ได้เป็นตลอดนะ นาน ๆ จะเจอที เวลาถ่ายภาพย้อนแสง ก็ยังให้ภาพในมาตราฐานเดิมอยู่ ใช้คำว่าค่อนข้างดี แต่มีดีกว่านี้ไหม ? ก็ต้องบอกว่ามีครับ

พวกอาการขอบเขียว ขอบม่วงก็คือไม่มีเลย ในเรื่องของตัว Hardware ทั้ง Sensor และชิ้นเลนส์แก้วไม่ค่อยห่วงอยู่แล้ว เพราะใช้ของที่คุณภาพค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะใช้งานใน Mode Auto | Hi-Res | RAW จัดการไฟล์มาได้ดีทีเดียว

PERISCOPE TELEPHOTO 3.5x | 90mm | OV64B | f/3.5

ปิดท้ายชุดกล้องหลังกันด้วยกล้อง Telephoto ระยะไกล 90mm หรือ 3.5x กันครับ ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทาง vivo ได้ Major upgrade ตัว Sensor และชิ้นเลนส์ในกล้องระยะนี้สักที หลังจากลากใช้ Periscope Telephoto 8MP มายาวนาน 2 Generation เต็ม ๆ

ซึ่ง Sensor ที่ทาง vivo เลือกใช้ในกล้องตัวนี้ ก็น่าจะ คุ้นเคยกันอยู่ อย่าง OV64B จาก Omnivision เราจะเจอ Sensor ตัวนี้ได้ใน HUAWEI Mate 50 Pro | Honor Magic4 Pro ซึ่ง Sensor กล้องตัวนี้ คือ ความมหัศจรรย์ของวงการกล้องมือถือจริง ๆ บางค่ายจูนมาก็ดีมาก ๆ บางค่ายจูนมาห่วยจัด ๆ เลยก็มี แต่สำหรับใน vivo X90 Pro Plus ดันมาอยู่ตรงกลาง

คุณภาพของไฟล์ภาพจาก กล้อง Periscope 3.5x ตัวนี้ ใน Mode Auto ค่อนข้างทำได้ดี รายละเอียดคมชัด Software ช่วยเหลือต่าง ๆ ทั้ง HDR | Portrait Software ทำงานได้ดี และค่อนข้างแม่นยำ ลักษณะการ Post Process ภาพ ไม่ได้มีการเติม Sharpness เข้าไปมากนัก อยู่ในระดับที่กำลังดี อาการ Shutter Lag ก็ไม่มีเลย กดค้าง ถ่าย Burst Mode ภาพขึ้นทันที ไม่ต้องรอ

โทนสี และ White Balance ทำมาได้ใกล้เคียงกับกล้องหลัก แต่ว่า Dynamic Range แคบกว่าค่อนข้างชัดเจน ก็แหงแหละ Sensor มันเล็กกว่าตั้งเยอะเนาะ ถ้าเราถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปมันก็พอแหละ แต่ถ้าบางคนอยากจะถ่าย RAW ใช้งาน แก้วแนะนำให้วัดแสงเอง เผื่อ ISO ไปหน่อย เวลาขุด Shadow Noise จะได้ไม่ถามหา

จุดที่ทำให้แก้วรู้สึกว่า Periscope 3.5x ตัวนี้ มันกลาง ๆ ไม่ได้แย่แบบ HUAWEI P50 Pro และก็ไม่ได้ เด่นนำหน้า เหนือ Honor Magic4 Pro มีอยู่ 2 จุดด้วยกัน จุดที่ 1 คือ คุณภาพของไฟล์ภาพใน Mode Hi-Res 64MP การจัดการ Noise ยังทำได้ไม่ดีมากนัก ในสภาพแสงที่ยาก ๆ เมฆเยอะ ๆ แม้จะเป็นจุดที่สว่างพอ เราก็จะพบ Noise ได้บ้าง

จุดที่ 2 คือเรื่องของการกันสั่น OIS เวลา Zoom เกิน 5x คือไม่ใช่ว่ามันสั่นเป็นเจ้าเข้า ถ่ายยาก ภาพเบลอ อะไรแบบนั้นนะ แต่มีคนที่ใช้ Hardware ตัวเดียวกัน แต่ทำได้ดีกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็น HUAWEI Mate 50 Pro หรือ Honor Magic4 Pro ก็ตาม เวลาถ่ายภาพนิ่งไม่ค่อยรู้สึกมากนัก แต่ถ้าถ่าย Video เมื่อไหร่ละก็ ชัดเลย

LOW LIGHT PHOTOGRAPHY | การถ่ายภาพในที่แสงน้อย

สำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย คือ จุดเด่นที่สุดใน vivo X90 Pro Plus เลยก็ว่าได้ พลังของ Chip V2 และ Raw Enhance 2.0 ที่อัพเกรด การ Merge ภาพเวลาถ่ายใน Night Mode ให้ได้คุณภาพดีขึ้น ซึ่งจะสามารถใช้งานได้ ในทุกกล้องในชุดกล้องหลัง ตั้งแต่ Ultra Wide Angle | Main | Tele 2x | Tele 3.5x คุณภาพของไฟล์ภาพ Night Mode เกือบทุกกล้อง ทำได้ดีพอ ๆ กัน ยกเว้น Ultra Wide Angle

คือ Sensor ของ Ultra Wide Angle มันเป็นตัวเดิม แต่ Software Night Mode มันทำงานได้แย่ลงแบบแปลก ๆ บางภาพเราจะพบว่า Noise Reduction หรือการจัดการ Noise นั้น จู่ ๆ ก็ไม่ทำงานไปซะเฉย ๆ ตามขอบภาพนี่ Noise มาเพียบ หรือ บางทีก็ทำงานหนักจนเกินไป จน Detail ในภาพ เริ่มหาย โดนบี้เแบนไปเยอะ

แต่พอตัว Noise Reduction ทำงานแบบปกติ ไฟล์ภาพก็ดีขึ้นแบบดีมาก ๆ Noise คือไม่มีเลย Detail กลับมาแบบแน่น ๆ ปัญหามันอยู่ที่ Software ตัวนี้นี่แหละ ที่มันยังไม่ค่อยนิ่ง คือเป็น Flagship ขนาดนี้ อยากให้ vivo รีบออก Software มาแก้ด่วน ๆ เลย คือ มันไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่เป็นไร แต่อย่าให้มันแย่กว่าเดิม

บ่นกันไปเยอะแล้ว กลับมาดูภาพ Night Mode จากกล้องตัวอื่นกันต่อ บอกเลยว่า คนละโลกกันเลย โดยเฉพาะกล้องหลัก จากที่เราคิดว่า vivo X80 Pro 5G ที่ f/1.57 ไฟล์มันใสแล้ว ในตัวนี้ ใสขึ้นไปอีกระดับ ด้วย อานิสงค์ของ Sensor 1 นิ้ว

ในบางสภาพแสงที่ ใน Frame ภาพมีจุดกำเนิดแสงอยู่บ้าง หรือว่าฟ้ายังไม่มืดสนิท คือเราแทบไม่ต้องเปิด Night Mode ขึ้นมาใช้ กดถ่ายใน Mode Auto นี่แหละ ออกมาได้สว่างกำลังสวย ถึง Detail ส่วนท้องฟ้ากลับมาได้ โดยที่ไม่เอา Noise มาด้วย Flare จากพวก หลอดไฟความฟุ้งคือน้อยมาก T*Coating นี่ของดีเสมอมา

คุณภาพของ Telephoto 2x เวลาเราใช้งาน Night Mode Character คล้าย ๆ กับในกล้องหลักเลย คือ ถ้าท้องฟ้ายังไม่มืด หรือมีแหล่งกำเนิดแสงมากพอ กล้องก็จะถ่ายให้แบบปกติ ไม่ได้ใช้ Night Mode เลย ถึงแม้ว่าเราจะบังคับใช้มันก็ตาม

Night Mode ในกล้อง Telephoto 2x มันจะไปแสดงพลังออกมาใน Mode Portrait เพราะว่าใน vivo X90 Pro Plus มีการเสริม อัลกอริทึมตัวใหม่ที่เวลาเราถ่ายภาพ Portrait ตอนกลางคืน กล้องจะถ่ายแบบ Night Mode ก่อน เพื่อให้สภาพสว่างขึ้น และ ได้ Detail ครบ หลังจากนั้น จึงมา Process ด้วย Portrait Software ต่อ ทั้ง Beauty Mode และ Bokeh

ซึ่งผลลัพท์ที่ได้คือ น่าประทับใจมากครับ จากปกติบางครั้งเวลาเราถ่ายภาพ Portrait ตอนกลางคืน เราต้องหาแหล่งกำเนิดแสงให้ตัวแบบบ้าง เดินหาเสาไฟ เดินหาไฟรถ มาในครั้งนี้ ขอแค่มีแสงจาง ๆ มาจากไกล ๆ ให้หน้าไม่มืด ก็เพียงพอแล้ว

Software Bokeh ต่าง ๆ ก็ทำงานได้แม่นยำมาก ๆ ถึงแม้จะอยู่ในสภาพแสงที่มัน Extreme ก็ตาม White Balance และ Skintone ที่โคตรฉลาด เวลาเจอแสงไฟเหลือง แบบพีค ๆ ก็พยายามแก้ให้เรามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ทำให้ มันดูปลอมจนเกินไป

Portrait Night Mode ในกล้อง 3.5x ทำออกมาได้ค่อนข้างดีพอ ๆ กับ กล้อง Telephoto 2x ทั้งเรื่องของความสว่าง เรื่องของ Detail ภาพที่ได้ การ Balance แสงในส่วนต่าง ๆ ของภาพ ก็เฉลี่ยออกมาได้ดี แต่การตัดขอบเบลอฉากหลังอาจจะไม่หลุด ๆ ให้เราเห็นได้บ้างครับ

ในบางครั้งอาจจะมีการ Over process ในส่วนของการเติม Clarity เข้าไปหนักบ้าง แต่ต้องเป็นสภาพแสงที่มืดมากจริง ๆ ถึงจะมีการเติมเข้าไปนะครับ ถ้าถ่ายในที่ที่มีแสงไฟอยู่บ้างก็ไฟล์ภาพไม่แข็งมากนัก

และในกล้อง Periscope 3.5x ตัวนี้เวลาถ่ายภาพพวกอาคาร สถาปัตยกรรมในเวลากลางคืน แก้วค่อนข้างแนะนำให้ใช้ Mode Auto ปกตินี่แหละ แต่ว่าอาจจะ -EV ลงมาบ้างแล้วแต่ว่า จุดที่โฟกัสมันสว่างขนาดไหน ? พูดง่าย ๆ ก็คือ วัดแสงเอง คุมแสงเองดีที่สุด

ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ Long Exposure Mode ลากเส้นไฟต่าง ๆ ใช้ในกล้อง Telephoto ได้แล้ว น้ำตาจะไหล แล้วใช้ได้ทั้ง 2x | 3.5x เลยนะครับ ก่อนหน้านี้หลายครั้ง เราไม่ได้อยากได้มุมกว้างมาก เวลาใช้ Mode นี้

หรือจะใช้ Long Exposure ในรูปแบบ Silky Water มาสร้าง Motion สวย ๆ ให้กับภาพแบบนี้ก็ได้

ไม่มีเวลาไปหาน้ำตกถ่าย ถ่ายน้ำพุเล็ก ๆ มาให้ดูแทนก่อนละกันครับ

RAW FILE PERFORMANCE

การถ่ายภาพด้วย RAW File ใน vivo X90 Pro Plus สามารถจะถ่ายได้ในทุกกล้อง ตั้งแต่ Ultra Wide Angle ไปจนถึง Periscope Telephoto คุณภาพของ RAW File นั้น ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจมาก ๆ คือดูผิวเผินแล้ว แก้วรู้สึกว่า RAW File ของ X90 Pro Plus เป็น Sensor RAW ที่ไม่ได้มีการ Process จัดการ Noise อะไรมาให้เราเลย

แต่พอลอง Zoom ดู Detail ชัด ๆ เราจะพบว่า Noise ที่มีใน RAW File ตัวนี้จะมีแค่ Luma Noise หรือ Noise ขาวดำเท่านั้น Color Noise หรือ Noise เม็ดสี ๆ มีการ Process มาให้เราแล้ว

คุณภาพของ RAW File ในกล้องหลัก คือ แก้วชอบที่สุดใน RAW File ของฝั่ง Android ที่เคยใช้มาแล้ว คือ มันไม่ได้คลีน ใสปิ๊ง เหมือน Google Pixel 7 Pro แต่ Detail ที่ได้คือ มันครบจริง ๆ ในทุกย่านความสว่าง และ Detail ที่ได้มันดูเป็นธรรมชาติมาก เหมือนกับถ่ายออกมาจากกล้องจริง ๆ คือ ถ้าอยากได้ใส ๆ ไม่เห็น Noise ก็ไปปรับ Noise Reduction เพิ่มเอา

RAW File ในกล้องหลัก เวลาเอามาใช้ถ่ายภาพในที่แสงน้อย เช่นพวก Night Cityscape Noise ในภาพสามารถ Post Process ได้ง่ายมาก แทบที่จะไม่ต้องใช้ ทักษะอะไรมาก ลาก Noise Reduction 30% Color Noise Reduction 15% พอ สวยเนียนกริ๊บ

RAW File ในกล้อง Medium Telephoto 2x คุณภาพของไฟล์แทบไม่ต่างจากกล้องหลัก Dynamic Range ดี ความยืดหยุ่นสูง อาจจะมี Noise มากกว่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเป็นแค่ Grain เล็ก ๆ ไม่ได้เม็ดใหญ่มากจนดูแล้วรำคาญตา

RAW File ในกล้อง Ultra Wide Angle คือ ตอนแรกอะ ทำใจแล้วนะว่าแย่แน่ ไม่น่าจะดี เพราะขนาดใน JPEG ยังชวนปวดหัวขนาดนั้น แต่พอลองถ่ายแล้วมาแต่งดู อ้าว !! ไฟล์มันก็ดีนี่ แล้วทำไมใน JPEG มันถึงเป็นแบบนั้นไปได้

อาการขอบม่วง ขอบเขียว คือไม่มีเลย Distortion มีการแก้ไขมาให้เรียบร้อย แต่อาการขอบฟุ้ง ๆ จะเยอะกว่าในการถ่าย Auto นะครับ ในบางสภาพแสงเช่น ที่แสงน้อย หรือ การถ่ายย้อนแสง จะมี Noise ในส่วน Shadow มากที่สุดในชุดกล้องหลัง เวลาถ่าย RAW

RAW File ในกล้อง Periscope Telephoto 3.5x คุณภาพ และความยืดหยุ่น เท่ากับ Telephoto 2x เอาจริง ๆ ถ้าให้เห็นภาพก็ประมาณ HUAWEI Mate 50 Pro นั่นแหละครับ แต่ Base Profile ของภาพ จะใส่ Sharpness มาบาง ๆ


FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 32MP

กล้องหน้าคู่บุญของ vivo X-Series มาอย่างยาวนาน นี่น่าจะเป็นกล้องที่ในแง่ของคุณภาพ แก้วใช้คำว่า เหมือนเดิม แทบไม่มีอะไรต่างไปเลย แต่มันก็เป็นกล้องที่ใช้งานภาพนิ่งได้ดีเหมือนเดิมนั่นแหละ ซึ่ง Skintone ที่ได้ ต่อให้เราจะไม่เปิด Beauty Mode เลยก็ยังใสปิ๊ง ผู้ชายถ่ายก็เห็น Texture ผิวชัดเจน

สิ่งที่มีเพิ่มเติมมาให้ก็คือ ในกล้องหน้าเราสามารถที่จะถ่ายละลายฉากหลัง ด้วย Bokeh เหมือนในกล้องหลังได้แล้ว ซึ่งก็มีมาให้ครบทีเดียว ตั้งแต่ Biotar | Sonnar | Planar | Distagon | Cinemactic

Software Beauty Mode ยังคงมีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับเพศ เช่น ถ้าผู้ชาย Selfie ก็จะไม่หวานมาก เก็บ Skin texture เอาไว้เยอะหน่อย ไม่ปรับปากแดง ตาโตเพิ่ม อะไรทำนองนั้น ซึ่งจุดนี้แก้วโอเคกับมันมาก ๆ ครับ

VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ

นี่คืออีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ vivo X90 Pro Plus การถ่าย Video ในรุ่นนี้ ถูก Upgrade ขึ้นมาชนิดที่เรียกว่าห่างจาก X80 Pro 5G มาก ๆ ในแง่ของการใช้งานแบบ Professional ถ้าเป็นคนที่ถ่ายแต่ Auto จุดสังเกตที่สัมผัสได้ก็จะมี

  • กันสั่นที่นิ่งเท่ากับ Galaxy S22 Ultra ในกล้องหลัก และ Ultra Wide

  • การละลายฉากหลังที่สวยงามมากยิ่งขึ้น

  • รองรับ Video HDR ในรูปแบบของ Dolby Vision

  • การ Shift Focus ที่นุ่มนวล ไม่วูบวาบ ด้วย Dual Pixel PDAF

  • เวลา Panning ซ้ายขวา จะนุ่มนวลไม่วูบวาบ

  • ความละเอียดสูงสุดที่ 8K 30fps | Bitrate 100mbps

ส่วนมุมมองของคนที่ใช้งานแบบ Pro ก่อนมาทำรีวิวนี้ แก้วได้ใช้ vivo X90 Pro Plus ถ่ายรีวิว Smartphone ลงช่องไปหนึ่งรุ่น ด้วย LOG Profile ความละเอียด 4K 30fps Bitrate 72mbps ผลลัพท์ที่ได้ แก้วพอใจกับมันมาก ๆ ครับ ไฟล์ที่ได้ตอนเอาไป Grading สีต่อ คือดีมาก Noise แทบไม่มี Setup ที่เหมาะสมที่สุดในการ ถ่าย LOG คือ ISO 400 | SS 1/60 จะให้คุณภาพของไฟล์ที่ดี และ Dynamic Range กว้างที่สุด


PERFORMANCE & BATTERY LIFE

หลาย ๆ คนที่อาจจะได้เห็นรีวิว iQoo 11 ที่ใช้ Chipset Snapdragon 8 Gen 2 จะพบว่า นี่คือ Chipset ที่ครบเครื่องที่สุด ทั้ง Performance และการจัดการพลังงาน คือ ตั้งแต่ Snapdragon 888 มาจนถึง Snapdragon 8 Gen 1 แรงจริง แต่ก็ร้อนมาก ลืมสิ่งเหล่านั้นไปเลย

การใช้งานทั่วไปที่ลื่นไหล ถึงแม้จะเป็นเครื่องจีนแต่ก็ลง App จาก Play store ได้ครบถ้วน ในส่วนของการแจ้งเตือน อาจจะต้องมีการตั้งค่าสักนิดหน่อย ไม่ได้ยาก แจ้งเตือนก็จะกลับมาน่ารำคาญเหมือนเดิมแล้วครับ

ในเรื่องของการเล่นเกม Performance และการปรับ Setting ต่าง ๆ คงไม่ต้องพูดถึงอะไรกันมาก มันลื่นไหล FPS เต็มอยู่แล้ว เกมที่แก้ว Test ก็จะเป็น Black Desert Online | Bless Global | Traha Global การจัดการพลังงาน และความร้อนตอนเล่นเกมที่แบบ ไร้ที่ติ ดีกว่าใน vivo X80 5G ที่ใช้ Dimensity อีก 1 ชั่วโมงแบตเตอรี่ลดไปแถว ๆ 8%-9% และเครื่องไม่ร้อนเลย ด้วยพลังของ Vapor Chaber ขนาดใหญ่ 8900mm

แก้วใช้งาน vivo X90 Pro Plus ในวันที่ไปเดิน Photo Walk เปิดแสงหน้าจอสุด เดินถ่ายภาพตลอด 3 ชั่วโมง ในแบบที่ไม่ปิดหน้าจอเลย หลังเสร็จงาน แบตลดไป 40% คือ อึดกว่า vivo X80 Pro 5G เกือบ ๆ 20% ได้เลย

OVERVIEW & OPINION

vivo X90 Pro Plus ในมุมมองของแก้วนั้น ถ้าเรามองแบบผิวเผิน หลายคนอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจาก X-Series ใน Gen ที่แล้วมากมายนัก แต่ถ้าเป็นคนที่ถ่ายภาพอย่างจริงจัง เข้าใจเรื่อง ขนาด Sensor เข้าใจ เรื่อง Depth of field เข้าใจเรื่องคุณภาพของไฟล์ อย่างแท้จริง ความอยากจะเปลี่ยนมาใช้ตัวนี้ จะพุ่งสูงปรี๊ดมาก ๆ


vivo สามารถหยิบ Sensor ขนาด 1 นิ้วมาใช้งานได้แบบไร้ซึ่งปัญหา ความร้อนและ Shutter Lag ปรับจูนให้เข้ากับ Software การถ่ายภาพดั้งเดิมของตัวเองได้ดี คนที่ไม่ใช่มนุษย์บ้าย้อนแสงมาก แก้วขอแนะนำให้ ปิด HDR ในการถ่ายภาพไปเลยก็ได้ เพราะ Dynamic Range ที่เพิ่มเติมเข้ามาในกล้องตัวนี้ มันเพียงพอแล้ว ที่เราไม่จำเป็นต้องพึ่ง HDR ในทุกสถานการณ์เหมือนแต่ก่อน


นอกเหนือจากนั้น คนที่ชอบถ่ายภาพ หน้าชัดหลังเบลอ หรือ ชัดตื้น อยากให้ได้สัมผัส DOF แท้ ๆ แล้วในหลายโอกาสเราจะลืมไปเลยว่า มี Software Bokeh ให้ใช้ด้วย เพราะมันเบลอสวย และเป็นธรรมชาติ ใกล้เคียงกล้อง Compact ไปแล้ว


กล้องถ่ายภาพตัวอื่น ๆ ก็ได้รับการ Upgrade อย่างจริงจังเช่นเดียวกัน Sensor ในกล้อง 2x เปลี่ยนมาเป็น IMX758 50MP กล้อง Periscope Telephoto 3.5x เปลี่ยนมาใช้ OV64B 64MP ซึ่งช่วยยกระดับจุดแข็งให้เด่นขึ้น ลบจุดอ่อนของตัวเองออกไป แต่กล้องที่เหมือนเดิมก็คือ Ultra Wide Angle 48MP ที่ใช้ IMX589 แทบไม่มีอะไรต่าง เหมือนเดิมมาก ๆ


นอกจากภาพนิ่งที่อัพขึ้นมาเยอะมากแล้ว เรื่องของการถ่าย Video ก็อัพขึ้นมาสุดเหมือนกัน เครื่องมือที่ Professional Videographer ใช้งาน มีให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ความละเอียด วีดีโอสูงสุดที่ 8K 30fps และ กันสั่นทำงาน 100% สามารถปรับ Bitrate วีดีโอได้ด้วยตัวเอง มี Dual Pixel Autofocus ถ่าย LOG Profile ได้ที่ 4K 30fps มีตัวช่วยป้องกัน Highlight และ Shadow เสีย Detail เป็นเส้น Zebra

มันคือ Smartphone ที่คนทั่ว ๆ ไปใช้ได้ และสัมผัสถึงความแตกต่างได้พอสมควร แต่สำหรับ Professional Photographer หรือ Video Creator มันสามารถเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ที่ไว้ใจได้เลย
 
0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page