สวัสดีครับทุกคนกับมาเจอกับแก้ว แล้วก็ Smartphone จากทางแบรนด์ Xiaomi กันอีกครั้งหนึ่งนะครับ วันนี้เราอยู่กับ Xiaomi 12T Pro สมาร์ทโฟนใน Series คุ้มค่า ที่แฟน ๆ Xiaomi หลายคนรอคอยให้เปิดตัวออกมา จากการที่แก้วใช้งานมาตลอด 2 สัปดาห์ มาดูกันว่า จะน่าใช้แค่ไหน ?
SPECIFICATION
CPU : Snapdragon 8+ Gen 1
RAM 12GB | 256GB UFS 3.1
Display : 6.67-inch AMOLED | FHD+ | 120Hz
Operation system : MIUI 13 based on Android 12
Stereo Speaker Sound by harman/kardon
Bluetooth 5.2 | USB Type-C 2.0 | Wifi6
Battery 5,000mAh | 120W Fast Charging
WHAT'S IN THE BOX : อุปกรณ์ภายในกล่อง
- เครื่อง Xiaomi 12T Pro
- 120W Adapter Charge | USB-C Cable
- Protection Case Transparent
- Protection Film
- Sim Card Ejector
- Manual Guide
DESIGN : การออกแบบ
เรามาเริ่มดูงานออกแบบของ Xiaomi 12T Pro กันดีกว่าครับ ถ้าเราดูกันแบบภาพรวมแล้ว จะมีความคล้าย ๆ กับ Xiaomi 12 Series ที่ออกมาก่อนหน้านี้เลย ทั้งลักษณะของการจัดวาง Element ในส่วนต่าง ๆ ของฝาหลัง Character ที่มีความเรียบ ๆ แต่ยังดู Sport อยู่
ลักษณะการออกแบบ Module กล้อง ก็จะเป็นการเล่นระดับขึ้นมา เวลาเราดูในมุมมองแบบตรง เราจะรู้สึกว่ามันก็เรียบง่ายดี ไม่ได้มีความหวือหวาอะไร เรียงแบบง่าย ๆ แต่ลงตัว
แต่ถ้าสมมุติว่าเราพลิกมาดูด้านข้าง หรือบริเวณ Side Profile นั้น เราจะมองเห็นว่า ความสูงของชิ้น Module กล้องนั้นสูงมาก ๆ คือถ้าใช้เครื่องเปล่า ๆ โดยไม่ใส่เคสเลยเนี่ย แก้วไม่แนะนำเลยครับ เสี่ยงต่อการจะกระแทกเสียหายได้เลย
Frame ของตัวเครื่องจะเป็นโลหะ กับ ปุ่ม Controller ต่าง ๆ จะอยู่บริเวณด้านขวาของตัวเครื่องนะครับ ทั้ง Volume up และ Volume Down เมื่อเรามาดูด้านข้างเต็ม ๆ แบบนี้ เราจะเห็นว่า จริง ๆ แล้ว ตัวเครื่องมันไม่ได้หนาเลยนะ มันกำลังจับเข้ามือเลยทีเดียว ตำแหน่งที่หนาจริง ๆ จะเป็นส่วน Module กล้องเท่านั้นแหละครับ
ด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของ Port USB-C | Sim Card Slot ที่ใส่ได้ 2 Sim | ไมโครโฟน และช่องลำโพงครับ
บริเวณด้านบนนั้น มี IR Blaster | ช่องไมโครโฟน | ช่องลำโพง พร้อม Badge Sound by harman/kardon ตามสไตล์ของ Xiaomi Flagship Series ที่จะต้องได้รับการจูนลำโพงจากที่นี่ครับ ซึ่งแก้วได้ลองแล้ว เสียงกระหึ่ม ถูกใจสาย Entertainment แน่นอน
DISPLAY : หน้าจอแสดงผล
เรามาต่อกันที่หน้าจอของ Xiaomi 12T Pro กันบ้างครับ ขนาดหน้าจอก็ตาม Flagship สมัยนิยม ยุคนี้ก็คือ 6.67 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่เวลาเล่นเกม หรือดูหนังนั้น จะค่อนข้าง เต็มตา มาก ๆ แต่เวลาใช้งานทั่วไป สำหรับคนมือเล็ก ๆ แบบแก้วนั้น การใช้งานด้วยมือเดียว ค่อนข้างลำบาก แต่ไม่ใช่ปัญหานะครับ ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
คุณภาพของตัวหน้าจอนั้น ในเรื่องของการแสดงผล สีสัน ความละเอียด Contrast ต่าง ๆ ที่ถึงแม้เขาจะบอกว่าใช้ Panel หน้าจอแบบ AMOLED 12bit 68B colors แต่แก้วแทบไม่รู้สึกว่ามันต่างจาก Xiaomi 12 Pro ที่แก้วเคยใช้มาสักเท่าไหร่ เรื่องใช้งานทั่ว ๆ ไปเนี่ย กับ Smartphone ในช่วงราคานี้ Panel หน้าจอเกรดนี้ ยังไงก็ผ่านฉลุยครับ
ความละเอียดสูงสุดของหน้าจออยู่ที่ ความละเอียด 1220 x 2712 พิกเซล และมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz ในเรื่องของการ Touch นั้น ติดนิ้วดีมาก ๆ ค่า Refresh Rate เวลาล็อกเอาไว้ที่ 120Hz ก็ไม่มีตกเลย ถึงแม้เครื่องจะร้อนขึ้นจากการใช้งานก็ตาม
หลังจากที่แก้วใช้งานมา ในหลากหลาย Situation ทั้งการใช้งานทั่วไป และด้าน Entertainment หน้าจอตัวนี้ เหมือนถูกจูนมาเพื่อเอาใจสาย Entertainment ดูหนังฟังเพลงมาก ๆ เพราะนอกจากการ Touch ที่ติดนิ้วดีแล้ว สีสันก็ยังขับออกมาได้สดใส Contrast ดีมาก ๆ อีกด้วย
ในเรื่องของความสว่างหน้าจอ ถึงแม้ว่าใน Spec จะบอกว่าความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 900 nits แต่พอใช้จริงแล้ว แก้วบอกเลยว่า สู้หน้าจอที่ให้ความสว่างหลัก 1,000 nits ได้แบบสบาย ๆ เห็นสิ่งต่าง ๆ ในตัวหน้าจอได้อย่างชัดเจนมาก ๆ เวลาถ่ายรูปกลางแจ้งคือ ไม่ได้ต้องเพ่งสายตาเลย
CAMERA : กล้องถ่ายภาพ
เรามาต่อกันที่เรื่องของกล้องถ่ายภาพ ที่เป็น Highlight ใน Xiaomi 12T Pro เครื่องนี้กันดีกว่าครับ เพราะว่าได้มีการเอา Sensor ตัวใหม่อย่าง Samsung HP1 เข้ามาใช้เป็นครั้งแรก โดยที่จะมีความละเอียดสูงสุด 200MP กันเลยทีเดียว รายละเอียดของชุดกล้องหลัง ดังนี้ครับ
MAIN CAMERA 200MP | SS HP1 | f/1.7
ULTRA WIDE 8MP | Fix Focus | 120 ํ
SUPER MACRO 2MP
ถึงแม้ว่าพอเห็นรายละเอียดชุดกล้องแล้ว อาจจะสะดุดกับกล้อง Ultra Wide 8MP และ กล้อง Macro 2MP สหกรณ์ที่ ลามไปยัน Flagship ในหลาย แบรนด์ กันเลยในปีนี้ Xiaomi ต้องอาศัยพลังจาก Main Camera 200MP ตัวนี้มาเป็นตัวเลือกแล้วล่ะครับว่า ประสิทธิภาพที่มอบให้ จะทำให้คนลืมจุดด้อยในกล้องตัวอื่น ๆ หรือเปล่า ? ไปชมภาพกันครับ
MAIN CAMERA : กล้องหลัก 200MP | Samsung HP1
ปกติแล้วการถ่ายภาพใน Mode Hi-Resolution จะเป็นสิ่งที่แก้ว Test ท้าย ๆ แต่ว่าชอบนี้ด้วยขนาดภาพที่ใหญ่ขนาดนี้ ก็จับมาลองก่อนเลยแล้วกันครับ ซึ่งบอกเลยว่าเกินคาด Software ในการทำ Pixel Binning นั้น เก็บรายละเอียดมาได้ค่อนข้างดีมาก ๆ แก้วลอง Crop 300% มาให้ดูในภาพด้านล่างนี้ครับ แต่มีข้อควรระวังในการใช้งาน Mode นี้นะครับ คือไฟล์ใหญ่มาก ๆ เริ่มที่ 70MP ไปจนถึง 100MP ในไฟล์ JPEG เลยนะ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เราจะเห็นได้ตั้งแต่ Xiaomi 10T Pro ก็คือ การที่เราสามารถจะ Digital Zoom ที่ Mode Hi-resolution ได้ และใน Sensor 200MP ตัวนี้ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน และดีมาก ๆ ด้วย อย่างภาพนี้แก้วถ่ายนาฬิกาตัวเอง Font บนหน้าปัด สามารถจะซูมเข้าไปดูแบบชัด ๆ ได้เลย ถูกใจคนรักนาฬิกามาก
ความอเนกประสงค์ของเลนส์ตัวนี้ก็คือ เราสามารถจะใช้เลนส์ตัวนี้ในการถ่ายภาพแบบ Crop on sensor แบบ Lossless ได้ระยะที่ไกลกว่าเดิมมาก ๆ จากปกติ เต็มที่ก็ 2x ไม่เกินนี้ แต่ถ้าเป็นตัวนี้ คุณภาพไฟล์ที่แก้วยอมรับได้ จะอยู่ที่ประมาณ 5x แต่ถามว่าจะลากไปได้ถึง 10x เลยไหม ? ถ้าไม่ได้เปิดไฟล์ภาพในจอใหญ่มาก Digital Zoom 10x ก็พอได้ครับ
Character ของภาพในรุ่นนี้ ในเรื่องของสีสัน ค่อนข้างจะมีความใกล้เคียงกับ Xiaomi 12 Pro คือ Dynamic Range กว้าง สีสันสดใส ลักษณะการวัดแสงใน Mode Auto คือ จะเน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่กด Highlight มาก ไม่ดัน Shadow เยอะ
ในวันที่สภาพแสงไม่เอื้ออำนวย หรือว่ามีเมฆค่อนข้างมาก White Balance และ Auto Exposure ยังทำงานได้ดี สีสันไม่ได้แกว่งมากเท่าไหร่ อยู่ในระดับที่รับได้ เวลาทำงานร่วมกับ Software HDR สามารถที่จะ คุมแสง Highlight และเติม Shadow ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ขุดจนแบน
จุดหนึ่งที่แก้วค่อนข้างชอบ Software HDR ใน Xiaomi 12T Pro ตัวนี้ก็คือ เวลาเราถ่ายภาพย้อนแสง ในลักษณะที่เป็นภาพ Landscape เราต้องการ Lighting ที่มีส่วนมืด ส่วนสว่างเยอะ ๆ เพื่อให้ภาพดูมีมิติ Auto HDR ก็เข้าใจเรามากพอที่จะไม่ขุด Shadow จนลอย และไม่กด Highlight จนมี Artifact เกิดขึ้น
CROP Zoom 2x แทนกล้อง Telephoto
สำหรับเรื่องของการเอามา Digital Zoom 2x แก้วอยากจะแยกออกมาเป็นอีกหนึ่งหัวข้อเลยเพราะว่า ตัวนี้ ต่างจากกล้อง 50MP หรือ 64MP 108MP ที่เรารู้จัก คือ ตอนแรกที่แก้วได้ลองใช้งานแบบ Zoom 2x ดู ต้องถามกับตัวเองเลยว่า นี่มัน Crop on sensor จริง ๆ หรอ คุณภาพไฟล์คือมัน ไม่ต่างจาก 1x เลย ใช้คำว่า " ไม่ต่างเลย "
เวลาถ่ายภาพดอกไม้ ก็ให้ลืม Macro Camera ที่ให้มาในชุดกล้องไปได้เลย ไม่ต้องไปเปิด ใช้กล้องหลัก Crop Zoom 2x เปิด Hi-Res 200MP ช่วยเข้าไปด้วย เอามา Crop อีกรอบหนึ่ง ใช้งานทีหลัง ก็ยังให้คุณภาพไฟล์ที่ดีอยู่
Depth of field หรือ การละลายฉากหลังก็ทำได้ค่อนข้างง่าย เพราะว่า Sensor มีขนาดใหญ่พอสมควร มาบวกกับเลนส์ที่มีค่า f/stop ต่ำเพียง 1.7 เท่านั้น ทำได้ง่ายมาก ๆ ยิ่งถ้าอยากได้ Depth ที่ชัดมากขึ้น ก็ลอง Crop Zoom 2x แล้วเดินเข้าไปโฟกัสให้ใกล้ขึ้น แค่นี้ก็สมใจแล้วครับ
สำหรับคนที่ชอบถ่าย Minimal หรือ Architecture ก็สามารถจะใช้การ Crop Zoom ในการลด Perspective ที่อาจจะบวม ๆ ตามสไตล์เลนส์ Wide Angle ช่วยได้ครับ
สาย Street Photography ที่เราต้องการระยะห่างจาก Subject ที่เราถ่ายพอสมควร ในระยะของกล้องมือถือ ก็จะเป็น 2x 3x ที่เราคุ้นเคยกัน ใน Xiaomi 12T Pro ก็สามารถที่จะ Crop Zoom ไปได้เลย โดยที่คาดหวังผลลัพท์ที่น่าพอใจได้
PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล
มาต่อกันที่เรื่องของการถ่ายภาพ Portrait กันบ้างครับ จุดหนึ่งที่ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า ใน Mode Auto ปกติ แบบที่ไม่ใช่ Mode Portrait Skintone จะมีสีที่เป็นธรรมชาติมากกว่าใน Mode Portrait อยู่พอสมควร ใน Mode Portrait จะมีการดึงสีสกินโทนให้เข้มขึ้น ถึงแม้ว่าไม่ได้มาก แต่ถ้าเอาภาพมาวางเทียบกัน ก็จะดูออกได้ในทันที
ระยะของการถ่ายภาพ Portrait นั้น เราไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้นะครับ ตัวองศาการรับภาพจะถูก Crop เข้าไปประมาณ 2x ซึ่งแก้วว่าทาง Xiaomi คิดมาได้ดีแล้ว อย่างแรกก็คือ ในระยะนี้ เราจะ Blur ฉากหลังได้มากขึ้นกว่าเดิม โดยที่ไม่รู้สึกว่า ภาพมันดูลอย
ใน Shot ที่เป็น Full body หรือประมาณ 75% - 100% ของร่างกาย พอองศาการรับภาพมันแคบลงจากการ Crop ทำให้เราต้องเดินถอยหลังออกมาเล็กน้อย สิ่งที่ได้ คือ Perspective ของเลนส์ ที่ตรงกับความเป็นจริง มากกว่า ระยะ 1x แบบปกติ
สำหรับคุณภาพของ Software Depth of field หรือการละลายฉากหลัง ความแม่นยำนั้น อันนี้ไม่ได้พูดเกินจริงนะ แม่นกว่า Xiaomi 12S Ultra ที่แก้วเพิ่งจะทำรีวิวไปไม่นานมานี้อีก ยิ่งถ้าเราควบคุมรายละเอียดในฉากหลังดี ๆ มันจะยิ่งเบลอได้สวย และเป็นธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
จะมีอยู่หนึ่งจุดที่แก้วว่า Xiaomi 12 Pro ยังทำได้ดีกว่ามากอยู่พอสมควร คือ Software Beauty Mode ครับ ในตัวนี้ ต่อให้เราปรับ ไม่เกิน 20% - 40% ตัว Skin texture จะเริ่มหายไปแล้ว แล้วพอเราลดลงมาต่ำกว่า 10% ก็เหมือนแทบไม่ได้เปิด มันเหมือนยังหาตรงกลางไม่ได้ คิดว่าต้องรอให้มีการอัพเดตแก้ไขภายหลัง จะโอเคขึ้นครับ
Cinematic Light Effect ก็มีมาให้ตั้งแต่ Xiaomi 11 ในรุ่นนี้ก็มีมาให้เหมือนเดิม ซึ่งแก้วค่อนข้างชอบ Character ของ Effect พวกนี้นะ มันดูไม่เหมือนใครดี เพราะมันไม่ใช่แค่แปะ Light Leak PNG ลงไป แต่มันยังมีการปรับพวก Glitch effect เท่ ๆ ให้มาด้วย
บาง Cinematic Lighting Effect ก็จะมีการเติม Noise นิด ๆ หน่อย ๆ ให้ภาพอารมณ์ Film Look ได้ด้วย
ULTRA WIDE ANGLE : กล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP
ถ้าใครยังจำตอนที่แก้วเขียนรีวิว Xiaomi 11T Pro ได้ พอเห็น Spec กล้อง Ultra Wide Angle ใน Xiaomi 12T Pro แล้ว แอบจะรู้สึกกลัวว่าจะออกมาทรงเดิมจริง ๆ แต่ก็ต้องบอกว่า เดาไปผิดถนัดเลยครับ ถึงแม้ว่า Spec จะเป็น 8MP ก็จริง แต่ Quality ของไฟล์ภาพที่ได้ ก็คือรับได้ครับ ถือว่าดีอันดับต้น ๆ ของ Spec 8MP เลย
บริเวณขอบภาพประมาณ 10% รอบ ๆ ยังมีความฟุ้งให้เห็นได้อยู่บ้าง แต่ Distortion ถือว่าน้อยกว่าที่คาดเอาไว้มาก สีสันที่ทำออกมาก็ใกล้เคียงกล้องหลักเลย ทำให้เวลาถ่ายภาพชุด แล้วมีการสลับกล้อง สลับเลนส์ ยังเป็นจุดที่ไว้ใจได้
จุดที่เคยเป็นปัญหาใน Xiaomi 11T Pro นั่นก็คือ เรื่องของการถ่ายภาพย้อนแสงนั่นเองครับ เพราะว่าในตัวนั้น นอกจาก Optic จะไม่ดีแล้ว การ Coating ยังแย่อีก แต่พอมาเป็น Xiaomi 12T Pro คือไว้ใจได้ครับ จะย้อนแสงตรง ๆ ย้อนแสงผ่านต้นไม้ ก็ยังคงคุณภาพไฟล์เอาไว้ได้ดีเหมือนเดิม
เอาย้อนแสงมาให้ดูอีกภาพ พร้อมกับเปิด HDR ลักษณะในการทำ HDR ก็เหมือนกับกล้องหลัก คือมันไม่ได้พยายามจะขุดทุกอย่างให้สว่าง Software ยังฉลาดพอที่จะรู้ว่า ตรงไหนควรมืด ตรงไหนควรสว่าง
RAW File Test | ประสิทธิภาพของ RAW File
สำหรับ RAW File ใน Xiaomi 12T Pro นั้น แก้วบอกเลยว่า เกินคาดมาก ๆ อย่างในภาพด้านล่างนี้ ความยืดหยุดของไฟล์ เปิดโอกาสให้แก้วสามารถถึงรายละเอียดในส่วน Highlight ลงมาได้จนเห็นสีของท้องฟ้าชัดเจน และเติมแสงในส่วน Shadow เปิดรายละเอียดขึ้นมา แต่สามารถจะจัดการ Noise ได้ดีเกินคาดเลย
อีกหนึ่งประโยชน์ของ RAW File ก็คือ แก้วถ่ายภาพอาหาร ในร้านที่มีแสงไฟแบบ เหลืองจัด ๆ พอมานั่งแก้ในไฟล์ RAW ให้ White Balance ออกมาตรงสามารถทำได้ง่ายมาก ๆ ซึ่งถ้าเราถ่ายมาเป็น JPEG คงจะปรับออกมาได้แบบนี้ค่อนข้างยากเหมือนกันครับ
หรือในวันที่สภาพแสงอยู่ในระดับที่ ห่วยแตกมาก ๆ ทั้งฟ้าหม่น สีซีด การจะดึงรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ ในภาพออกมา จะถ่ายด้วย JPEG + HDR มันก็คงทำไม่ได้ขนาดนี้ นี่คือ Use case ของ RAW File ที่นำไปใช้กันได้ และเห็นผลชัดเจนครับ
LOW LIGHT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพในที่แสงน้อย
Xiaomi 12T Pro กับ Performance ในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ก็ต้องบอกว่า หายห่วงทั้งในกล้องหลัก กล้อง Ultra Wide Angle Software Night Mode ใช้เวลาไม่นานในการลากชัตเตอร์ และไม่ได้มีการอัด Clarity เข้าไปในภาพมากมายนัก
ในกล้อง Ultra Wide Angle ถ้าในสภาพแสงที่เราถ่ายนั้น มันมืดมาก ๆ เราจะเริ่มเห็น Noise ได้ชัดเจนมากขึ้นบริเวณส่วน Shadow ของภาพ สำหรับแก้วแล้ว การมี Noise อยู่ คือการที่ Detail ของภาพยังอยู่ ถ้า Software พยายามลบ Noise ละก็ จุดนี้จะกลายเป็นสีน้ำเละ ๆ เลยล่ะครับ
เอามาถ่ายภาพ Portrait ก็พอใช้ได้ครับ แต่ Beauty Mode ไม่ทำงานใน Night Mode นะ
ถ้าจะถ่ายภาพ Portrait ช่วงกลางคืนจริง ๆ แก้วแนะนำว่า หาแสงสว่างส่องตัวแบบสักเล็กน้อย แล้วใช้ Mode Portrait ไปเลยจบกว่าครับ ใช้ประโยชน์จาก Beauty Mode ที่หน้าเนียนจัด ๆ มาช่วยลบ Noise ได้ ก็ตอนนี้นี่แหละครับ
Mode Long Exposure ก็ไม่กั๊กนะ ให้มาครบ ๆ เลย สามารถจะถือ Handheld ถ่ายได้เลย
หรือใครที่รู้สึกว่า Traffic Trail มันดูไม่ค่อยเนียน ก็ให้เอา Crowded หรือ ฝูงชน มาใช้ถ่ายแทนก็จะได้เส้น Motion Blur สวย ๆ แบบนี้ได้เหมือนกันครับ
FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 20MP
นี่คือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่แก้วค่อนข้างพอใจใน Xiaomi 12T Pro มาก ๆ ก็คือกล้องหน้าความละเอียด 20MP นี่แหละครับ นอกจากจะปรับอะไรได้เยอะกว่า Mode Portrait ในกล้องหลังแล้ว Beauty Mode ก็ไม่ได้ลอย หรือเนียนจนเนียนมากเกินไปเลย ผู้ชาย Selfie ได้ ไม่ได้รู้สึกว่า ใช้ได้แต่สาว ๆ
การเบลอฉากหลังวก็ทำได้ได้เนียนทีเดียว ถึงแม้ว่าจะได้ ไล่ระดับการเบลอสวยๆ ได้เหมือนกล้องหลัง แต่การตัดขอบก็แอบจะคมกว่ากล้องหลังด้วยนะ ในแง่ของ Skintone ความสดใส คงสู้กล้องหลังไม่ได้ แต่แบบนี้นี่แหละ ขาวเนียนถูกใจมหาชน
เวลา Selfie กลางแจ้ง คุณภาพก็ดีแบบที่เห็นกันไปก่อนหน้านี้ แต่พอมาลองใช้ในการ Selfie ในที่แสงน้อย อย่างในห้องทำงานของแก้ว ต้องบอกว่า Noise มาเร็วกว่าที่คาดไว้พอสมควรเลย อาจจะเพราะว่า f/stop ที่ 2.2 แต่ Sensor กล้องหน้าไม่ได้ใหญ่อะไรมาก ทำให้เวลาสภาพแสงน้อย คุณภาพจะ ดรอปลงมาเร็วหน่อยครับ
VIDEOGRAPHY การถ่ายวีดีโอ
การถ่าย Video ใน Xiaomi 12T Pro นั้น ความละเอียดสูงสุดที่ถ่ายได้คือ 8K ที่กล้องหลัก โดยจะได้ Frame Rate ที่ 24fps ในกล้อง Ultra Wide Angle นั้น จะสามารถถ่าย Video ความละเอียดสูงสุดได้ที่ 1080p 30fps ในส่วนของ Setup ที่แก้วแนะนำในการใช้งานก็เช่นเคยครับ 4K 30fps นั่นเอง ล่าสุดก็คือ Xiaomi ได้ใส่ LOG File มาให้แล้วด้วยนะครับ
ในเรื่องของกันสั่นในการถ่าย Video นั้น ด้อยกว่า Xiaomi 12 Pro เล็กน้อยเท่านั้น สำหรับ Auto Exposure ของ Video อาจจะไม่ได้ Linear มากนัก เราจะเห็นการปรับแสงเป็น Step ได้ชัดเจน แต่คุณภาพของ File Video นั่นค่อนข้างไว้ใจได้ครับ
PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ
Performance ของตัวเครื่องนั้น แก้วคงต้องบอกว่า มันเป็น Smartphone ที่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงในเรื่องของความแรง จะใช้งานทั่วไป ดู Youtube Streaming เปิด Application ทิ้งไว้อีกสักโหลหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ในเรื่องของการเอาไปเล่นเกม อย่างแก้ว เล่นเกม Undecember ก็สามารถที่จะเปิดกราฟิกสูงสุด Frame Rate 60fps นิ่ง ๆ ได้เป็นชั่วโมงแบบไม่มีอะไรต้องกังวล การ Touch ในตำแหน่งต่าง ๆ ของหน้าจอก็ตอบสนองเราได้ดีมาก
ในเรื่องของการจัดการพลังงาน อย่างถ้าตอนที่แก้วเล่นเกม จะใช้ Battery ไปเฉลี่ย 11% สำหรับการเล่นเกม 1 ชั่วโมง 33 นาที ก็ถือว่าไม่เลวนะ ถ้าจะลากเล่นกันจริง ๆ 8 ชั่วโมงได้แบบสบาย ๆ เลย ส่วนการใส่ซิม 5G เปิด Standby ไว้ก็ได้หลายวันเลยล่ะครับ ไหนจะความเร็วในการชาร์จชวนเสียนิสัยที่ 120W เรื่องนี้ Xiaomi No.1 อยู่แล้ว
OVERVIEW & OPINION
Xiaomi 12T Pro เป็นสมาร์ทโฟนในรุ่นคุ้มค่าประจำปี 2022 ที่อัด Spec ทั้งเรื่องของ CPU | Display | Battery และการ Charge เร็วมาให้อย่างเต็มเปี่ยม ก็คือ ของที่เป็นพื้นฐานของ Smartphone Flagship ที่ดีในปีนี้นั่นแหละครับ
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพที่ทาง Xiaomi จัดหนัก ใส่ Sensor ล่าสุดจากทาง Samsung อย่าง HP1 ความละเอียด 200MP มาให้เป็นตัวแรก ใครที่ยังข้องใจว่า เฮ้ยยย มันมีดีแค่ตัวเลขหรือเปล่า ? แก้วก็ Test ให้ดูแล้วนะว่า ของจริง ใช้งานได้จริง แต่ถามว่านอกเหนือจากกล้องหลัก เทพ ๆ ตัวนี้แล้ว ตัวอื่นมันเป็นยังไง ? ก็ต้องบอกว่า ค่อนข้างธรรมดา เมื่อนำมาเทียบกัน แต่ใช้งานได้ไหม ? ก็ได้แหละครับ
ค่าตัวของ Xiaomi 12T Pro อยู่ที่ 25,990 บาท บางคนอาจจะบอกว่า โห ราคามันเกิน Series T ไปเยอะเลยนะ แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจ และค่าเงินขาขึ้นทั่วโลก มันก็พอจะไปไหวแหละครับ ถ้าใส่ Ultra Wide 13MP มา จะยิ่งทำให้คนตัดสินใจได้ง่ายกว่านี้จริง ๆ ฝากด้วยนะครับ Xiaomi Gen หน้า
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ] Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer IG : kaew.ravie
Comments