top of page
รูปภาพนักเขียนแอดมินแก้ว

Xiaomi 14T Pro สานต่อความคุ้มค่า กับกล้อง Leica ที่เก่งกว่าเดิม

อัปเดตเมื่อ 28 ก.ย.

สวัสดีครับทุกคน กับมาเจอกับแก้ว และการรีวิว สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากทาง Xiaomi กันอีกครั้งนะครับ และจะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้เลย นอกจาก Xiaomi 14T Pro รุ่นท๊อปสุดของ Xiaomi 14T Series นั่นเองครับ แก้วใช้งานสมาร์ทโฟนเครื่องนี้มาแล้ว 2 สัปดาห์ ใช้ดีแค่ไหน ถ่ายรูปสวย หรือเปล่า ไปดูรีวิวกันครับ

SPECIFICATION | Xiaomi 14T Pro
  • Chipset : Dimensity 9300+ (4 nm)

  • RAM 12GB LPDDR5X | Storage 1TB UFS 4.0

  • Display : 6.67-inch OLED | 68B colors | 120Hz | HDR10+ | Dolby Vision

  • Display Brightness 1600 nits (HBM), 4000 nits (peak)

  • Operation system : HyperOS | Android 14

  • Very Good quality Stereo speaker | IP68

  • Bluetooth 5.4 | USB Type-C 2.0 | Wifi7

  • Battery 5000mAh | 120W wired , PD3.0 , QC4

WHAT'S IN THE BOX : อุปกรณ์ภายในกล่อง
  • ตัวเครื่อง Xiaomi 14T Pro

  • Case กันกระแทกแบบนิ่ม สีทึบ

  • USB-C Cable ( ไม่มี Adapter )

  • Sim card ejector | Manual Document

DESIGN งานออกแบบ

เรามาเริ่มกันที่การออกแบบตัวเครื่องของ Xiaomi 14T Pro กันเลยนะครับ สิ่งแรกที่รู้สึกได้หลังจากแกะตัวกล่องออกมา DNA ของงานออกแบบคล้ายกับรุ่นพี่ Xiaomi 14 มาก ๆ แต่จะให้ความรู้สึกที่ดูบึกบึน ดูทนทานมากกว่า และ ขณะที่รุ่นพี่จะใช้ฟีลลิ่งที่หรูหรา สีตัวเครื่องที่แก้วนำมารีวิวจะเป็นสี Titan Gray แต่เขาก็ยังมีให้เลือกอีกถึง 2 สีก็คือ Titan Black และ Titan Blue

อีกหนึ่งอย่างที่การปรับมาจากรุ่นที่แล้วก็คือ วัสดุของ Frame ตัวเครื่อง ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็น Aluminium ผิวด้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ฟีลลิ่งในการจับถือใช้งาน มี Grip ที่มั่นคงและ ดูพรีเมี่ยมเหมือนรุ่นพี่ โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะขึ้นรอยนิ้วมืออีกด้วย รายละเอียดเล็ก ๆ อย่างเช่น การเซาะร่องปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง ให้เราใช้ Muscle memory ในการใช้งานได้สะดวก ก็แสดงถึงความใส่ใจในการออกแบบครับ

ตัวเครื่อง Xiaomi 14T Pro ถึงแม้จะดูเครื่องเล็ก Compact พกพาสะดวก แต่ก็มีน้ำหนักที่มากประมาณหนึ่งเลย อยู่ที่ 209 กรัม และมีความหนาอยู่ที่ 8.4mm ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ Xiaomi 14 จะมีน้ำหนักที่มากกว่าอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากเกินไป จนรู้สึกว่าถ่วง

Design Module กล้องที่ยังคงเอกลักษณ์จาก Xiaomi 13T Pro เมื่อปีที่แล้วเอาไว้ โดย มีฐานส่วน Module กล้อง เป็นกระจก และแยกส่วนเลนส์กล้องออกมาเป็นวงกลม 4 อัน โดยที่จะเป็นกล้องทั้งหมด 3 ตัว และ ไฟแฟลช LED 3 ตัว ตรงกลางมี Badge คำว่า LEICA รวมไปถึงยังแสดงรายละเอียดระยะ Focal Length ของเลนส์เอาไว้ตรงนี้ด้วยครับ

ด้านล่างของตัวเครื่อง ก็จะเป็นที่อยู่ของ Port USB-C 2.0 | ลำโพง | ไมโครโฟน และถาดใส่ซิม ส่วนด้านบนก็จะมี IR Blaster | ลำโพง และไมโครโฟนอีกหนึ่งตัว ซึ่งต้องขอบอกไว้เลยว่า เรื่องเสียงลำโพง Xiaomi ไม่ทำให้ผิดหวังเสมอ ทั้งเสียงดัง มิติเสียงดี จะใช้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ถูกใจสาย Entertainment แน่นอน

อาจจะมีเรื่องเล็กน้อยที่แก้วอยากให้ระวังไว้ ก็คือ ด้วยความที่กระจกฝาหลังนั้นถึงแม้ว่าจะดูเป็นกระจกด้าน แต่จริง ๆ แล้วสามารถขึ้นรอยนิ้วมือได้เหมือนกัน ถ้าหากมือเราเปียก ฝาหลังจะค่อนข้างลื่นเลย อย่างตอนที่แก้วเอาไปถ่ายภาพน้ำตก ก็เกือบจะหลุดมือไปเหมือนกัน แนะนำว่า ถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ใส่เคสเอาไว้ตลอดดีกว่าครับ แต่ถ้าเผลอไปโดนน้ำก็ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เพราะ IP Rating อยู่ที่ IP68 ครับ

DISPLAY : หน้าจอแสดงผล

ทีนี้เราพลิกมาดูในด้านของหน้าจอกันบ้างนะครับ หน้าจอของ Xiaomi 14T Pro ยังคงเน้นความ Compact ใช้งานง่าย ขนาดหน้าจอ 6.67 ซึ่งไม่ใหญ่จนเกินไป สามารถเอื้อมนิ้วไปได้ทั่วหน้าจอโดยไม่รู้สึกเมื่อยแต่อย่างใด แอบจะหาไซต์นี้ยากแล้วในยุคปัจจุบัน

ขอบ Bezel สีดำของหน้าจอ อาจจะไม่ได้บางเท่ากับ Xiaomi 14 รุ่นพี่ แต่ถือว่าบางขึ้นกว่า Xiaomi 13T Pro เมื่อปีที่แล้วเล็กน้อย ได้พื้นที่ที่เต็มตามากขึ้น และการจัดวางกล้องหน้า เป็นแบบ Punch Hole เจาะรูตรงกลางครับ

ตัว Panel หน้าจอเขาจะใช้เป็น OLED พร้อมกับขอบเขตสี 68B เหมือนกับรุ่นพี่ Xiaomi 14 Resolution อยู่ที่ประมาณ FHD+ และ Refresh Rate 144Hz รองรับ Content ที่เป็น HDR และ Dolby Vision ทำให้ในเรื่องการแสดงผลนั้น ไว้ใจเรื่องคุณภาพได้เลย

แก้วได้ลองเอาไปดู Content Streaming จาก Platform ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Netflix , Prime Video , YouTube , Disney+ Hotstar สามารถดูได้ที่ความละเอียดสูงสุด และรองรับ Content ที่เป็น HDR ในทุก Platform เลยครับ

เวลาเปิด 4K 60FPS HDR บน YouTube ก็ไม่มีอาการหน่วง หรือภาพกระตุกเลย ใครชอบเสพภาพสวย ๆ หน้าจอของ Xiaomi 14T Pro ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ

ฟีเจอร์เสริมของหน้าจอ ก็มีมาให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น การปรับ Profile สีสันหน้าจอ ( แก้วใช้เป็น Natural สบายตาดี ) ฟีเจอร์ Super Resolution ที่ช่วยเติมรายละเอียดให้ Content Resolution ต่ำที่เราเปิดดู ให้คมชัด สีสวยขึ้น หรือจะเป็น MEMC ที่ช่วยเติม Frame Rate ให้กับ Content ให้ดู Smooth ขึ้น เนียนตาขึ้น

รูปแบบของ Fingerprint Scanner จะใช้ Sensor Optical วางเอาไว้ใต้จอ ตำแหน่งอาจจะดูล่างเกินไปสักนิดหนึ่ง แต่ด้วยขนามหน้าจอที่ไม่ได้ใหญ่มาก ทำให้เราไม่ต้องเอื้อมนิ้วลงมาเยอะ สามารถปลดล็อกได้สะดวกอยู่ รวมไปถึง Response ก็รวดเร็วดี แตะแค่นิดเดียวก็ปลดล็อกแล้วครับ

ความสว่างหน้าจอสูงสุดตามตัวเลข Peak Brightness จะอยู่ที่ 4000nits เมื่อเปิด Content HDR แต่ถ้าเป็นการใช้งานกลางแจ้ง HBM จะอยู่ที่ 1600nits ซึ่งก็ถือว่า สว่างเพียงพอต่อการใช้งานกลางแจ้ง ในวันแดดแรง ๆ ได้สบาย แสงหน้าจอจะเริ่ม Dimming ลงเมื่อใช้งานต่อเนื่องผ่านไปประมาณ 10 นาที แต่ไม่ได้ Drop ลงมาอะไรมากครับ

CAMERA SPECIFICATION

เรามาดูกันที่กล้องถ่ายภาพกันบ้างครับ สำหรับกล้องถ่ายภาพใน Xiaomi 14T Pro มีหลาย ๆ ส่วนที่ได้รับการ Upgrade มาจากรุ่นที่แล้วพอสมควร มีความใกล้เคียงการเป็นเรือธงมากขึ้น เราไปดู Spec กล้องกันก่อนเลยครับ

Camera Specification : Xiaomi 14T Pro
  • Main camera 50MP | f/1.6 | Light Fusion 900 ( OV50H ) | OIS PDAF

  • Ultra Wide Angle 12MP | f/2.2 | OV13B | Focal Length 15mm | Fix-Focus

  • Telephoto 2.6x 50MP | f/2.0 | Focal Length 60mm ISOCELL JN1 | PDAF

  • Front Camera 32MP | f/2.0 | Focal Length 25mm | Fix-Focus

Color Profile ที่ให้มาแบบจัดเต็ม ตอบโจทย์ทุกสไตล์การถ่ายภาพ

นอกจาก Color Profile ดั้งเดิม ที่ Co-Engineered กับ Leica อย่าง Leica Authentic และ Leica Vibrant แล้ว ถ้าเรากดดูที่ Filter สีใน App กล้อง เราจะพบว่า มี Filter สีภาพจาก Leica ให้เราเลือกอีกเพียบ ทั้งแบบที่เป็นภาพสี และแบบที่เป็นขาวดำ ที่แก้วชอบมากที่สุด ก็คงจะเป็น Leica NAT และ Leica B&W NAT ให้ลุคคล้าย ๆ Leica Authentic ที่ขอบภาพ หรือ Vignette ไม่มืดมาก

ลูกเล่นในการถ่ายภาพ Portrait ที่เราคุ้นเคยจาก Generation ก่อนหน้านี้ อย่าง Leica Master-Lens system ที่เป็นการจำลอง Look และ Bokeh Style จากเลนส์ Leica จริง ๆ ก็มีมาให้เหมือนเดิม สามารถปรับ เพิ่ม-ลด ขนาด Bokeh ได้สบาย และแน่นอนว่าระยะที่แก้วใช้บ่อยสุด ก็จะเป็นโบเก้แบบหมุนวน หรือ Swirly Bokeh 50mm

สิ่งที่ถูก อัพเกรดเข้ามาให้ในรุ่นนี้ ก็คือการเอาฟีเจอร์ Parameter Presets จากรุ่นพี่ Xiaomi 14 UItra และ Xiaomi 14 มาใส่ให้ในรุ่นนี้ด้วย เราสามารถตั้งค่ากล้อง สำหรับการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าได้ เช่น ตั้ง Preset สำหรับถ่ายภาพ Snap Shot เร็ว ๆ ตั้ง Preset สำหรับการถ่ายดาว ไปจนถึง Preset สำหรับการถ่ายภาพ Landscape ภาพ Street ก็ตั้งไว้ได้

Custom Leica Watermark : ลายน้ำ Leica สุดหรู

หลาย ๆ คนที่อาจจะไม่เคยใช้ Xiaomi มาก่อน อาจจะโดนตกด้วย ลายน้ำ Leica ตัวนี้ก็ได้เหมือนกัน เพราะ นอกจากจะ Design สวย มี Layout ลายน้ำให้เลือกหลายแบบแล้ว เรายังสามารถมาใส่ ลายน้ำตัวนี้ทีหลังได้ด้วย ซึ่งสมาร์ทโฟนหลาย ๆ รุ่นทำไม่ได้ จุดนี้ก็เป็นความ Flexible ในการใช้งานที่ Xiaomi 14T Pro มอบให้เรา

ฟีเจอร์ตกแต่งภาพด้วย AI ที่ใส่มาให้แบบล้น ๆ และใช้งานได้จริง

AI ERASE : ฟีเจอร์ในการลบ และ Generative ส่วนที่ถูกลบออกไป ด้วย AI ที่ถือว่าเป็นพื้นฐานของ AI ฟีเจอร์ในยุคนี้ ทาง Xiaomi ก็ทำได้ดีครับ จะเลือกเป็นแบบ ใช้การวงด้วยตัวเองก็ได้ หรือ จะให้ AI Detect Subject ในภาพให้เราอัตโนมัติก็ได้เช่นกัน

AI EXPANSION : ภาพที่ถ่ายมาแคบไปใช่ไหม ? เราช่วยได้

ตัวฟีเจอร์ AI EXPANSION เป็นการใช้ Generative AI ขยาย FOV ของภาพให้กว้างขึ้นได้ บางทีเราถ่ายภาพมา แล้วรู้สึกว่า Frame มันดูแน่นเกินไป อยากได้ Space รอบ ๆ เพิ่มสักหน่อย ก็ใช้ตัวนี้ช่วยได้ หรือ เวลาเรามีการ Crop ภาพ Rotate ภาพ แล้วบางส่วนของภาพหายไป เราก็ใช้ AI EXPANSION ตัวนี้ เติมส่วนนั้นให้เราก็ได้เช่นกัน ใช้งานได้ดีมากทีเดียว

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่แก้วได้มีโอกาสใช้บ่อย และเชื่อว่าเพื่อน ๆ ชาวไทย ต้องมีโอกาสได้ใช้เช่นกัน ก็คือ ฟีเจอร์ การเปลี่ยนท้องฟ้าด้วย AI Generative ด้วยความที่บ้านเราฝนตกบ่อย ท้องฟ้ามีเมฆเยอะ ๆ ถ่ายรูปมาแล้วไม่สวย เราก็สามารถจะเปลี่ยนท้องฟ้า เป็นสไตล์ที่เราต้องการได้ ผ่านฟีเจอร์นี้ครับ

ANIMALS BEAUTIFY : ปรับน้อนสุดน่ารักของทุกคนให้น่ารักขึ้น

เอาใจคนรักสัตว์กันบ้างนะครับ อันนี้แก้วค่อนข้าง Surprise ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ปกติแล้ว Beauty Mode สำหรับคน เราคุ้นชินกันอยู่แล้ว แต่นี่เป็น Beauty Mode สำหรับน้องสัตว์เลี้ยงของเรา ซึ่ง สามารถช่วยปรับให้ ใบหน้าคมขึ้น ขนดูนุ่มฟูขึ้น และปรับความสว่างได้อีกด้วย คนที่มีสัตว์เลี้ยง น่าจะถูกใจ ฟีเจอร์นี้ไม่น้อยเลย

MAIN CAMERA : กล้องหลัก 50MP | OV50H | f/1.6

เรามาเริ่มดูภาพจากกล้องหลักของ Xiaomi 14T Pro ตัวนี้กันดีกว่านะครับ สำหรับภาพที่เราจะได้จากกล้องตัวนี้ ทั้งสีสัน การ Process ไฟล์ ไปจนถึง Depth of field มีความใกล้เคียง Xiaomi 14 รุ่นพี่ เกือบจะ 100% เลยทีเดียว

ก็คือ จะมีการ Process ช่วยเหลือค่อนข้างเยอะ ทั้งการเติม Sharpness ให้ภาพดูคมขึ้น ใส่สไตล์ภาพแบบ Leica เข้าไป และ HDR Process เวลาถ่ายภาพย้อนแสง ช่วยเติมความสว่างให้กับส่วนเงาของภาพ และดึง Detail ในส่วน Highlight กลับมา แต่ทั้งหมดนี้ Xiaomi ยังคง Balance ให้ภาพดูเป็นธรรมชาติเหมือนเคย

เรื่องของการวัดแสง และ Auto White Balance ในสภาพแสงปกติ สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ การวัดแสง จะวัดออกมาค่อนข้างพอดี คุมส่วน Highlight ไม่ให้เกิด Highlight Clipping หรือ Highlight หลุดได้ดี White Balance ค่อนข้างแม่นยำในทุกสภาพแสง แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า โทนสีภาพของ Xiaomi 14T Pro ไม่ว่าจะกล้องไหนก็ตาม จะค่อนข้างเป็นโทน Warm หรือโทนอุ่นนะครับ

แก้วมีสูตรในการปรับโทนสีภาพ ให้ดูมีความเป็นธรรมชาติ แต่ได้ Dynamic Range สูงที่สุด ให้เราตั้ง Color Profile เป็น Leica Vibrant แล้วให้เลือก Filter เสริมเข้าไปเป็น Leica NAT เราก็จะได้โทนภาพที่มีสีสันสดกำลังดี แต่มี Dynamic Range ที่กว้างกว่า เห็น Detail ส่วนเงาได้เยอะกว่า การใช้ Leica Vibrant เพียงอย่างเดียวครับ

จุดที่แก้วชอบที่สุดในกล้องหลักตัวนี้ ก็คือ ในเรื่องของ Depth of field หรือการถ่ายภาพละลายฉากหลัง ด้วยความที่ใช้ Sensor ค่อนข้างใหญ่ และรูรับแสงกว้างถึง f/1.7 ทำให้การถ่ายสิ่งของแบบเน้นชัดตื้น ทำได้ง่ายมาก ๆ และตัว Bokeh จะดูมีความ Creamy เนียน ๆ นุ่ม ๆ มากทีเดียว ใครชอบเอาไปถ่ายดอกไม้ ถ่าย Product ของ Object ชิ้นไม่ใหญ่ น่าจะถูกใจเหมือนแก้วแน่ ๆ

PORTRAIT PHOTOGRAPHY : ภาพถ่ายบุคคล

เรามาต่อกันที่ถ่ายภาพ Portrait กันบ้างนะครับ สำหรับระยะในการถ่ายภาพ Portrait ของ Xiaomi 14T Pro แบบไม่ใช้ Leica Master-Lens System จะถ่ายได้ทั้งหมด 4 ระยะด้วยกัน ได้แก่ 23mm | 35mm | 50mm | 60mm | 75mm

ส่วน LEICA MASTER LENS SYSTEM ที่นำเอกลักษณ์ของ Bokeh Effect มาจากเลนส์ Leica 4 รูปแบบ ดังนี้

  • Documentary | 35mm | องศารับภาพกว้าง เล่าเรื่องราวของสิ่งรอบข้างได้ง่าย

  • Swirly Bokeh | 50mm | ระยะกำลังดี Bokeh หมุนสวย มีเอกลักษณ์

  • Portrait | 75mm | ตัวแบบโดดเด่น ฉากหลังละลายสวย

  • Soft Focus | 90mm | เน้นฟีลลิ่ง มีความฟุ้ง นุ่มนวล ชวนฝัน

นอกจากนั้น ก็ยังมีรูปแบบ Profile ของการถ่าย Portrait มาให้เราทั้งหมด 2 Style ที่ยกมาจากรุ่นพี่เลย ก็คือ Leica Portrait และ Master Portrait ซึ่ง ถ้าใครเคยดูรีวิว Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 ของแก้วมาก่อน จะพอจำกันได้ว่า แก้วมักจะแนะนำให้ใช้ Master Portrait ตอนถ่ายภาพบุคคล เพราะ AI จะช่วยปรับ Skintone ปรับใบหน้าตัวแบบให้อัตโนมัติ เพราะ Leica Portrait จะเน้นความสมจริง และมี Contrast บนใบหน้าที่เข้ม

แต่ว่าใน Xiaomi 14T Pro แก้วว่า Xiaomi เขาสามารถ Balance ระหว่างความง่ายในการถ่าย และ Style ที่โดดเด่น ของ Leica ได้ดีขึ้น ถ่ายออกมาแล้ว Contrast ไม่เข้มจนเกินไป ผิวสวยใกล้เคียงกับ Master Portrait แต่ยังคง Look ของความเป็นธรรมชาติเอาไว้ได้เหมือนเดิม

คุณภาพไฟล์ในการถ่ายภาพ Portrait ในแต่ละ Focal Length นั้น เราไว้ใจได้หมดเลย เนื้อไฟล์ สีสันที่ออกมา ค่อนข้างจะต่อเนื่อง ไม่รู้สึกต่างกันมาก ถึงแม้ว่าจะมาจากกล้องคนละตัวกัน และเวลาถ่าย Portrait แบบย้อนแสง Auto HDR ช่วยเยอะขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้มาก ไม่ต้องกลัวหน้ามืดเลย

ระยะที่แก้วใช้ในการถ่ายภาพ Portrait บ่อยที่สุด และชอบที่สุด ใน Xiaomi 14T Pro ก็จะเป็น 60mm ที่ตรงกับ ระยะ Optical ของเลนส์ Telephoto ในรุ่นนี้นั่นเองครับ ให้มุมมองภาพที่ไม่แคบจนเกินไป แต่ยังได้มิติและสัดส่วนที่สวย สามารถเปิด Bokeh Effect ละลายได้เยอะ โดยไม่รู้สึกหลอกตา

Bokeh Simulation หรือการจำลอง Bokeh ด้วย Software ทั้งในรูปแบบ Standard Bokeh และ Bokeh Style Leica ที่มาจาก Mode Leica Master Lens system นั้น ทำได้ดีมาก ๆ เม็ดโบเก้สวย มีการไล่ระดับมิติของ Depth of field ที่ดูสมจริง

ส่วนในเรื่องของการตัดขอบละลายฉากหลังนั้น อาจจะมีบางจังหวะที่ ปลายผมมีโอกาสจะหลุดได้บ้าง ถ้าฉากหลังมีรายละเอียดเยอะ หรือ สภาพแสงมีความซับซ้อนจนเกินไป แต่ถ้าหากเราอยู่ใน Condition ที่เหมาะสมแล้ว แก้วบอกเลยว่า ตัดได้เนียนกริ๊บ ไม่แพ้แบรนด์อื่น ๆ แน่นอน

ULTRA WIDE ANGLE : กล้องมุมกว้างพิเศษ 12MP | OV13B | 15mm

เรามาต่อกันที่กล้อง Ultra Wide Angle กันบ้างนะครับ สำหรับกล้องตัวนี้ ในเรื่องของคุณภาพไฟล์ ถ้าเราเอาไปเทียบกับ Generation ที่แล้ว อย่าง Xiaomi 13T Pro เราจะไม่ค่อยรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะใช้ Sensor ใน Tier เดียวกัน แต่ตัวนี้จะมีการจัดจุดรบกวนที่ดีกว่าเล็กน้อย

Focal Length 15mm ถือว่าค่อนข้างกว้างมากสำหรับ Ultra Wide Angle ในสมาร์ทโฟนระดับราคานี้ และค่ารูรับแสง f/2.2 ซึ่ง ก็เพียงพอที่จะช่วยทำให้รักษาคุณภาพไฟล์ในแต่ละสภาพแสง และสีสันของภาพ ให้ใกล้เคียงกล้องหลักได้มากขึ้นเอาไปใช้ในการถ่ายภาพ สถาปัตยกรรม ตึกอาคารต่าง ๆ ได้ดูสวยงามอลังการ

การจัดการ Distortion และ Chromatic Abberation ทำได้ค่อนข้างดี เราอาจจะเจอ Flare ดวงเล็ก ๆ เวลาถ่ายย้อนแสง แต่พวกขอบเขียว ขอบม่วง จัดการมาได้ดี ความคมของภาพ จะคมประมาณ 90% ขอบภาพทั้งหมด ตามมุมภาพทั้ง 4 มุมจะยังมีความ Soft ให้เราเห็นได้อยู่ครับ

เวลาถ่ายภาพย้อนแสง หรือหากใน Scene ที่เราเลือกถ่ายมีส่วนเงาค่อนข้างเยอะ Auto HDR จะช่วยเปิดรายละเอียดในส่วนนั้นให้กับเราได้ดีมาก ๆ ได้รายละเอียดส่วนท้องฟ้า กับดวงอาทิตย์ที่สวยงามชัดเจน นอกจากนั้นยัง Balance ความสว่างในจุดต่าง ๆ ในภาพได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

อาจจะมีเรื่องของ Auto White Balance ในบางสภาพแสงที่ยาก ๆ เช่น วันที่มีเมฆเยอะ ๆ หรือช่วง กลางคืนที่เราเจอแหล่งกำเนิดแสงที่แปลก ๆ Auto White Balance อาจจะทำงานช้าลงไปบ้าง หรือบางทีอาจจะติดโทน Warm มาเยอะกว่าปกติ ส่วนนี้ก็ต้องรอให้ทาง Xiaomi อัพเกรด Software มาเพิ่มเสถียรภาพให้ต่อไปนะครับ

TELEPHOTO CAMERA : กล้องเทเลโฟโต้ 2.6 x 50MP | JN1

ต้องบอกว่า ครั้งแรกที่ได้เห็น Spec และระยะของกล้อง Telephoto ตัวนี้ แอบรู้สึก เอ๊ะ ทำไมระยะมันแปลก ๆ อยู่เหมือนกันนะครับ เพราะโดยปกติแล้ว ถ้าเป็น Medium Telephoto แบบนี้ หลาย ๆ แบรนด์มักเลือก 2x | 50mm หรือ 3x | 70mm ไปเลย แต่ Xiaomi 14T Pro เปิดมาเป็น 2.6x | 60mm

แต่พอลองใช้งานจริงแล้ว มันเหมือนได้ข้อดีจาก Focal Length ที่มันมีความกลาง ๆ แบบนี้มาเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น เวลาถ่ายภาพ Street เราจะได้ Frame ที่ดูหลวม ๆ หน่อย ไม่แน่นจนเกินไป จัด Compose ได้ไม่ยาก แต่ยังได้มิติ ความลึกใกล้เคียงกับ ระยะ 3x อยู่

เอามาถ่ายภาพอาหารด้วยการใช้ระยะ 60mm , 75mm บวกกับ Portrait Mode ออกมาสวยงามมาก

คุณภาพไฟล์แน่นอนว่าดีกว่าตอน Xiaomi 13T Pro แบบรู้สึกได้ชัดเจนเลย Software การวัดแสง Auto White Balance ทำงานได้เป็นอย่างดี และสีสันก็มีความใกล้เคียงกับกล้องตัวอื่น ๆ ด้วยครับ

หลาย ๆ คนที่กังวลว่า ระยะมันสั้นลงมานิดหนึ่ง เราจะเอาไปถ่ายภาพ Landscape , Cityscape หรือ สิ่งที่อยู่ในระยะไกล ๆ ได้สวยหรือเปล่า ? คือ ถ้าเทียบกับ Xiaomi 13T Pro เมื่อปีที่แล้ว ตัวนี้ดีกว่าหลายเท่าเลย แต่ถ้าเทียบกับรุ่นพี่ แก้วว่าแทบไม่ต่างดัน เพราะ ใช้ Sensor ISOCELL JN1 เหมือนกัน แค่ Focal Length สั้นลง 10mm เท่านั้นเอง

ระยะ Zoom ไกลสุดที่เราหวังผลได้จะอยู่ที่ประมาณ 10x - 20x เพียงพอที่เราจะเอาไปถ่าย ทิวทัศน์ที่อยู่ไกล ๆ มาลง Social Media ได้สบาย โดยที่ไม่สูญเสียรายละเอียดอะไรไปมากนัก

ด้วยความที่กล้อง Telephoto 2.6x ตัวนี้มีรูรับแสงที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้มิติภาพ และ Depth of field ค่อนข้างจะสวย แต่ ระยะโฟกัสใกล้สุดของกล้อง Telephoto ตัวนี้ ค่อนข้างจะไกล ไม่สามารถจ่อถ่ายวัตถุ หรือถ่าย Macro ได้

ทำให้ถ้าเราต้องการเล่นกับมิติของภาพ เรายังต้องการวาง Foreground เข้ามาช่วยแทน จะได้เห็นความลึก ความตื้นของภาพได้ชัดเจนมากขึ้นครับ

LOW LIGHT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพในที่แสงน้อย

เรามาต่อกันที่การถ่ายภาพในที่แสงน้อยกันบ้างนะครับ เราสามารถใช้งาน Night Mode ได้ในกล้องหลังทุกตัว รวมไปถึงกล้องหน้าด้วย ลักษณะในการ Process Night Mode ของ Xiaomi 14T Pro นั้น จะเน้นความสำเร็จรูปเป็นหลัก ให้ถ่ายได้ง่าย ๆ ใช้เวลาในการลากชัตเตอร์รับแสงไม่นานนัก

จุดที่ Night Mode ของ Xiaomi 14T Pro ค่อนข้างแตกต่างจากหลาย ๆ แบรนด์ก็คือ ถึงแม้สีสันจะถูก Boost ขึ้นมาให้ดูสดใสขึ้น ดู Punchy มากขึ้น แต่ไม่ได้พยายาม ขุดให้ทุกส่วนในภาพดูสว่างจนผิดธรรมชาติไป ถ่ายกลางคืนแล้ว ยังดูเป็นกลางคืนอยู่นั่นเองครับ

เม็ด Bokeh เวลาที่เราใช้การ Crop Zoom ถ่ายภาพช่วงกลางคืนก็สวยมาก ถึง Shape อาจจะไม่ได้กลม แต่ให้ความรู้สึกเหมือนเลนส์ Vintage ดี Bokeh จะดูมีความ Distort นิด ๆ แต่ไม่ถึงกับหมุนวน

คุณภาพไฟล์ใน Night Mode แน่นอนว่า กล้องหลักจะให้คุณภาพไฟล์ที่ดีที่สุดอยู่แล้ว จากประสบการณ์ที่แก้ว ใช้เรือธง Xiaomi ในปีนี้มาทั้งหมด คุณภาพไฟล์ ไม่ต่างจาก Xiaomi 14 เลยครับ รายละเอียดดี สีสวย การเติม Sharpness และ การทำ Noise Reduction ทำออกมาในระดับที่พอเหมาะ

ส่วน Night Mode ในกล้อง Telephoto คุณภาพไฟล์ก็ดีมากเหมือนกัน สามารถถือถ่ายมือเปล่า ตอนกลางคืน ในที่แสงน้อยได้สบาย ไม่ต้องกลัวว่าภาพจะสั่นไหว เพราะ OIS ในกล้องตัวนี้ นิ่งมากจริง ๆ

แต่การทำ Noise Reduction ในกล้อง Telephoto ตัวนี้จะค่อนข้างหนักมือกว่ากล้องหลัก ทำให้รายละเอียดส่วนพื้นผิว หรือ Texture หายไปพอสมควร แต่เราจะได้เรื่องความใสของไฟล์ภาพมาแทน

ส่วน Night Mode ในกล้อง Ultra Wide Angle อาจจะเป็นกล้องที่แก้วชอบน้อยที่สุด เวลาต้องใช้งานในที่แสงน้อย เพราะนอกจาก เราจะต้องใช้เวลาในการ ลาก Shutter นานกว่ากล้องตัวอื่นแล้ว

เนื้อไฟล์ที่ออกมา ถึงแม้เราจะได้ความสว่างและสีสันที่สวย แต่ก็สูญเสียรายละเอียดไปมากกว่าช่วงกลางวัน แบบรู้สึกได้เหมือนกันครับ ยังไงใน Generation หน้าอยากเห็น Sensor ใหม่ในกล้อง Ultra Wide Angle ตัวนี้แล้ว

นอกจาก Night Mode ในรูปแบบพื้นฐานแล้ว เขาก็ยังมี Mode การถ่ายภาพพวก Long Exposure มาให้เราอย่างครบถ้วน อย่างแก้วเองก็ได้เอาไปถ่ายภาพน้ำตกตอนไปเที่ยวมาด้วย ขาตั้งกล้องไม่ต้อง ยืนมือเปล่าถ่ายได้สบาย

หรือใครเป็นสาย ลากเส้นไฟ Light Trail ก็สามารถจะ Handheld ถ่ายได้เลยเช่นเดียวกัน โดยที่เขามีการปรับปรุง Software มาให้ เส้นไฟมีความต่อเนื่องมากขึ้นด้วย

ไปจนถึงการถ่ายพระจันทร์ที่พวกเราคุ้นเคยกันก็มี แต่จะไม่ได้เป็น Mode แยกออกมานะครับ ให้เราถ่ายใน Mode ปกติ แล้วกดเปิด AI Camera ทิ้งไว้ เขาจะทำการ Process ให้เองครับ

RAW File Performance : ประสิทธิภาพของ RAW File

เรามาต่อกันที่ RAW File ของ Xiaomi 14T Pro กันบ้างนะครับ รูปแบบของ RAW File เราจะใช้งานได้แค่ Sensor RAW เท่านั้น ตัว Computational RAW แบบเดียวกับรุ่นพี่ยังไม่มีมาให้นะครับ โดยที่เราสามารถใช้งาน RAW File ได้ในกล้องหลังทั้ง 3 ตัวเลย

คุณภาพของ RAW File ในกล้องหลัก ทั้งในแง่ของความยืดหยุ่นในการนำมา Process ไปจนถึง Detail ที่เก็บมาได้ การจัดการ Noise เบื้องต้น ก็คือ อยู่ในระดับเรือธงแล้ว แซงหน้า สมาร์ทโฟน Premium Mid-range หลาย ๆ ตัวในตลาดไปเรียบร้อย

ด้วยความที่ RAW File นั้น Data ที่เก็บมาค่อนข้างเยอะ ทำให้ขนาดไฟล์ ใหญ่ตามไปด้วย โดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ 24Mb แต่จากการใช้งานของแก้ว เป็นขนาดไฟล์ที่ยอมแลก เพราะเราคาดหวังกับมันได้จริง ๆ

RAW File ของกล้อง Telephoto คือจุดที่น่าประทับใจมากที่สุด เพราะความหยืดหยุ่น และ Dynamic Range ทำได้ดีไม่ต่าง สามารถถ่ายภาพ Landscape ในสภาพแสงที่ซับซ้อน แล้วนำมา Process แก้แสงในจุดต่างๆ ได้ง่าย โดยที่ Noise ต่ำ

ต่อให้ถ่ายย้อนแสงจัง ๆ ก็ยังสามารถขุดกลับมาได้ครบทุกช่วงความสว่าง ไม่มี Chromatic abberation ขอบเขียว ขอบม่วงมาให้ต้องแก้ด้วย

ส่วนกล้อง Ultra Wide Angle อาจจะเป็นจุดที่ RAW File มีของสังเกตนิดหนึ่งก็คือ ถึงแม้ความยืดหยุ่นนั้นจถค่อนข้างโอเค แต่มี Noise ในส่วนมืดของภาพ และ ต้องมาแก้ Distortion ด้วยตัวเอง

FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 32MP

ตัวกล้องหน้าแก้วคิดว่า Sensor น่าจะใช้ตัวเดียวกับ Xiaomi 13T Pro เมื่อปีที่แล้ว องศาในการรับภาพ ค่อนข้างกลาง ๆ อยู่ที่ 25mm ไม่กว้างมากนัก ทำให้ถ้าใครต้องการได้มุมมองกว้าง หรือ Selfie กับเพื่อน จะต้องยื่นแขนไกลหน่อย

แต่ก็มีสิ่งที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นก็คือ การ Process Skintone หรือว่าผิว จะดูมีสีที่ตรงขึ้น สว่างขึ้น Beauty Mode ที่ไม่ได้ Process ผิวเนียนจนดูปลอม เผลอ ๆ แก้วจะชอบ Skintone ของ Xiaomi 14T Pro มากกว่ารุ่นพี่ Xiaomi 14 ซะอีก

ในเรื่องของการละลายฉากหลังด้วย Software สามารถทำได้ใกล้เคียงกับ Mode Portrait ในกล้องหลัง ประมาณ 90% มีการไล่ระดับที่สวย แต่ถ้า ฉากหลังรก เราอาจจะเจอ อาการหลุด ๆ ตามปลายผม ได้บ้างเล็กน้อย

VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ

การถ่าย Video ใน Xiaomi 14T Pro เครื่องนี้ ถือว่าเป็นจุดที่ได้รับการปรับปรุงขึ้นมากที่สุด เมื่อเทียบกับ Generation ที่แล้ว การ Process ไฟล์ดีขึ้น ไม่อัด Sharpness หนัก Autofocus แม่นยำ ให้ Bitrate มาสูงถึง 50mbps สำหรับ 4K 30fps และรองรับ Resolution สูงสุดที่ 8K 30fps ในกล้องหลัก

การกันสั่นก็เป็นอีกจุดที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นมากขึ้น โดยเฉพาะกล้อง Telephoto เวลาถ่าย Video สามารถ ถือด้วยมือข้างเดียวได้แล้ว โดยไม่รู้สึกว่าภาพสั่น และ พอที่จะเดินไปถ่ายไปได้บ้างในบางโอกาสด้วยครับ นอกจากนั้น ก็ยังมีฟีเจอร์ในการถ่าย Video มาให้ค่อนข้างครบ ไม่ว่าจะเป็น Video ละลายฉากหลังแบบ Cinematic , การถ่าย Video แบบ Dolby Vision 10bit , Mode Pro วีดีโอที่ให้เราคุมทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง และ กล้องหน้าของ Xiaomi 14T Pro ถ่าย 4K 30fps ได้แล้วนะครับ เย้ !

PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ

ทีนี้เรามาดูกันในเรื่องของ Performance ตัวเครื่องในการใช้งานด้านต่าง ๆ กันบ้างครับ ถ้าเอาแบบสั้น ๆ เลยก็คือ ใช้งานทุกรูปแบบได้อย่างลื่นไหล ตัว Dimensity 9300+ ถือว่าแรงเป็นอันดับหนึ่ง ของกลุ่มสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 25000 ของปีนี้แล้วก็ว่าได้

การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นใช้งาน Social Media , Application ในการทำงาน ไปจนถึง การใช้งานในรูปแบบที่เป็น Multi-Tasking สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล และไม่ได้มีความร้อนเพิ่มขึ้นมาอะไรมากนัก น่าจะมาจากการที่อัพเกรดระบบระบายความร้อนมาเป็น Xiaomi 3D IceLoop system

ส่วนในเรื่องของการเล่นเกมนั้น เป็นอีกจุดที่ Xiaomi 14T Pro ทำได้ดีเกินคาด เกมที่แก้วเล่นเป็น 3D MMORPG ที่ใช้ Graphic Engine ค่อนข้างใหม่ และใช้ทรัพยากรเครื่องค่อนข้างมาก ทั้งเกม Archage Wars , Zenless Zero สามารถรักษา Frame เอาไว้เกิน 100 FPS อยู่ตลอด ยิ่งถ้าเปิด Game Turbo ช่วย จะวิ่งได้เกือบ ๆ 120FPS ตลอดเวลาเลยครับ

หรือ จะเป็นเกมกราฟิกที่ไม่ได้สูงมากนัก อย่าง 12Sky ก็สามารถจะเล่นได้อย่างลื่นไหล ความร้อนสะสมต่ำ และใช้แบตเตอรี่ต่อชั่วโมงไม่เยอะมาก อยู่ที่ประมาณ 11% - 12% เท่านั้น

ส่วนในเรื่องของ Battery Life และ Screen on time Xiaomi 14T Pro แก้วถือว่า ทำมาดีใช้ได้เลย ถ้าเป็นวันที่เราใช้งานไม่หนักมาก เล่น Social , ดู YouTube ทั่ว ๆ ไป Screen on time ที่ทำได้สูงสุด คือ 8 ชั่วโมง 50 นาที ส่วนถ้าเป็นวันที่ใช้งานกล้องเยอะสักหน่อย ก็จะลดลงมา เหลือประมาณ 7 ชั่วโมงครับ

ถึงแม้ในตัวกล่องจะไม่ได้มี Adapter มาให้ แต่ถ้าใครมี Adapter ที่รองรับ PD 3.0 | QC4.0 ก็สามารถที่จะชาร์จได้เร็วเช่นกัน อย่างหัวชาร์จที่แก้วมี กำลังไฟสูงสุด 100% ก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็เต็มแล้ว ซึ่ง Xiaomi 14T Pro รองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 120W เลยทีเดียวครับ

 
OVERVIEW & OPINION

สำหรับแก้วแล้ว Xiaomi 14T Pro นอกจากจะเป็นการกลับมาสานต่อ Series แห่งความคุ้มค่าแล้ว ทาง Xiaomi เองก็ฟัง Feedback จากลูกค้าเมื่อปีที่แล้ว และนำมา Upgrade ให้น่าสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น วัสดุตัวเครื่องที่ดีกว่าเดิม การจับถือที่ยังพอดีมือ ไม่ใหญ่ไป ไม่เล็กไป ซึ่งหาได้ยากแล้วในสมาร์ทโฟนยุคนี้


นอกจากภายนอกแล้ว ขุมพลังที่ขับเคลื่อนตัวเครื่อง อย่าง Dimensity 9300+ ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพที่สูงทัดเทียมเรือธงหลาย ๆ ตัวในปีนี้ได้สบาย ทั้งในแง่ของ Performance การใช้งานด้านต่าง ๆ การจัดการความร้อน ไปจนถึง ISP ประมวลผลภาพ ที่ทำให้ได้รวดเร็ว และแม่นยำกว่า Generation ที่แล้ว แบบรู้สึกได้


มาจนถึงส่วนของกล้องถ่ายภาพ ที่ถึงแม้ว่ากล้องหลัก กับ กล้อง Ultra Wide Angle นั้น อาจจะไม่ได้ก้าวกระโดดมากนัก แต่อยู่ในเกณฑ์ที่สู้กับสมาร์ทโฟนเรือธงสายกล้องในปีนี้ได้สบาย จุดที่เป็น Highlight จริง ๆ สำหรับแก้ว คือ กล้อง Telephoto ที่คุณภาพดีใกล้เคียงรุ่นพี่ Xiaomi 14 ถึงขาดเรื่อง Tele-Macro ไป แต่เวลาเอามาถ่ายภาพ Portrait กับ Landscape คือดี รวมไปถึง Features ที่พัฒนาร่วมกับ Leica และ ฟีเจอร์ AI สำหรับตกแต่งภาพ ขนกันมาแน่น ๆ ไม่แพ้กับ เรือธงเลยจริง ๆ


จากที่แก้วเล่ามา จะเรียกว่าเป็น หนึ่งใน Flagship killer ที่น่าจับตามองอีกหนึ่งตัวของปีนี้เลย Xiaomi 14 Series ในปีนี้ ตั้งแต่ รุ่น Ultra มาจนถึง Xiaomi 14T Pro สร้างมาตรฐาน ยกระดับความรู้สึกที่แก้วมีต่อแบรนด์ขึ้นไปอีกระดับแล้วจริง ๆ

 

ราคาวางจำหน่าย Xiaomi 14T Pro
  • Xiaomi 14T Pro - RAM 12GB + STORAGE 512GB : 21,990 บาท

  • Xiaomi 14T Pro - RAM 12GB + STORAGE 1TB : 24,990 บาท

 

[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]  Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer    

0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page