สวัสดีครับทุกคน กลับมาเจอกับแก้ว และการรีวิว สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ จากทางแบรนด์ Xiaomi กันอีกครั้งนะครับ ปีนี้เราเปิดปีกันด้วย เรือธงตัว Top สุดจากทาง Xiaomi กันเลย กับ Xiaomi 15 Ultra ใน Generation นี้ มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ทั้งในด้าน Hardware และ Software แต่สิ่งที่แก้วสัมผัสได้ตั้งแต่ ใช้งานใหม่ ๆ คือ " มันเข้าใจง่ายขึ้น เข้าถึงคนได้กว้างขึ้น " ในขณะที่ยังรักษา สุนทรียภาพ ในการถ่ายภาพแบบ Professional เอาไว้เหมือนเดิม ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว ไปลุยกันเลยครับ

SPECIFICATION | Xiaomi 15 Ultra
Chipset : Qualcomm Snapdragon 8 Elite (3 nm)
RAM 16GB LPDDR5X | Storage 512GB UFS 4.1
Display : 6.73-inch OLED | 68B colors | 120Hz | HDR10+ | Dolby Vision
Display Brightness 3200 nits (peak) | Xiaomi Shield Glass 2.0
Operation system : HyperOS 2 | Android 15
Very Good quality Stereo speaker | IP68
Bluetooth 6.0 | USB Type-C 3.2 Gen 2 | Wifi7
5410mAh Xiaomi Surge Battery | 90W wired | 80W Wireless

WHAT'S IN THE BOX : อุปกรณ์ภายในกล่อง
ตัวเครื่อง Xiaomi 15 Ultra
Case กันกระแทกแบบนิ่ม ที่ค่อนข้างหนา สีใส
USB-C Cable ( ไม่มี Adapter )
Sim card ejector | Manual Document

DESIGN งานออกแบบ
เรามาเริ่มกันที่การออกแบบตัวเครื่องของ Xiaomi 15 Ultra ตัวนี้กันเลยนะครับ ภาพรวมในเรื่องของการออกแบบ ถ้าเราดูแค่รูปทรงของตัวเครื่อง และตำแหน่งในการจัดวางสิ่งต่าง ๆ นั้น จะเห็นได้ว่า Design ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก หรือ อาจจะเพราะว่า สีตัวเครื่องที่แก้วได้มา เป็นสีดำ ด้วย

แต่ถ้าเป็นสีตัวเครื่องที่มีความเป็น Two-tone ไม่ว่าจะเป็น สีเงินตัดกับสีดำ หรือ สีเงินตัดกับสีเขียว เราจะเห็น Design เล็ก ๆ ที่ซ่อนเอาไว้รอบ ๆ ตัวเครื่อง ที่จะให้ Vibe เดียวกับ กล้อง Leica จริง ๆ โดยทาง Xiaomi ได้ดึงเอกลักษณ์การออกแบบกล้อง มาจากรุ่น Leica M1 Rangefinder ซึ่งก็สามารถนำมา Merge เข้ากับการเป็นสมาร์ทโฟนได้ค่อนข้างน่าประทับใจเลย

กลับมาที่สีดำของเรากันต่อครับ Design ของ Module กล้องใน Xiaomi 15 Ultra นั้น คือสิ่งที่ทำให้ Visual ของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ ดูแต่ต่างไปจาก Xiaomi 14 Ultra ค่อนข้างมาก นอกจาก ขอบสีแดง ที่ล้อมรอบ ฐาน Module กล้องแล้ว

ตำแหน่งของการจัดวางกล้องแต่ละตัว เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จากที่เคยวางแบบ Symmetry มีความสมมาตรทั้งสองด้านในรุ่นที่แล้ว เวลาเราถือตัวเครื่องในแนวตั้ง เราจะรู้สึกว่า การเรียงตัวกล้องนั้น ดูไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ แต่เมื่อเราถือในแนวนอน เวลาเรายกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพ จะให้ความรู้สึกของการถือกล้องจริง ๆ อยู่พอสมควรเลย รวม ๆ แล้ว จะต้องใช้ความเคยชินสักหน่อย แล้วจะค่อย ๆ รู้สึกดีขึ้นครับ

Frame ตัวเครื่องของ Xiaomi 15 Ultra จะใช้เป็นโลหะ High - Strength Aluminum Frame ที่ทาง Xiaomi บอกว่า มีความแข็งแรงมากกว่าเดิมหลายเท่า โดยจะมีการทำสีมาเป็นสีดำด้าน ความรู้สึกเวลาจับถือ สำหรับแก้วไม่ต่างจาก Xiaomi 14 Ultra มากนัก ดูแข็งแรง แน่นหนาดี มาพร้อมกับ IP Rating IP68 ถ้าเทียบกับ เรือธงในปีนี้ ส่วนใหญ่จะไปถึง IP69 กันแล้ว ตรงนี้ก็แอบเสียดายไปนิดหนึ่งครับ

ในส่วนของวัสดุตัวฝาหลัง ถ้าเป็นสี Classic สีดำ และสีขาว จะใช้วัสดุที่เป็นกระจกนะครับ อย่างสีดำที่แก้วเอามารีวิว จะเป็นกระจก Fluorite AG ที่จะให้สัมผัสเนียนนิ้ว และไม่ขึ้นรอยนิ้วมือเลย ส่วนถ้าเป็น เฉดสีที่เป็น Two-tone วัสดุฝาหลัง จะเป็น Fiber Glass เกรด Aerospace นะครับ

ในเรื่องของน้ำหนัก และ Grip ในการจับถือ ต้องบอกว่า Xiaomi 15 Ultra ถึงแม้น้ำหนักตัวเครื่อง จะพอ ๆ กับ Xiaomi 14 Ultra อยู่ที่ 226 กรัม แต่สิ่งที่ปรับปรุงขึ้นมา คือ ในเรื่องของ Weight Balance ของตัวเครื่อง ที่สามารถกระจายน้ำหนักออกไปรอบ ๆ ตัวเครื่องได้ดีกว่าเดิม ทำให้เวลาเราถือใช้งานในแนวตั้ง หรือ ในแนวนอน จะไม่รู้สึกว่า ถ่วงด้านใด ด้านหนึ่งจนมากเกินไป

DISPLAY : หน้าจอแสดงผล
ทีนี้เราพลิกมาดูในด้านของหน้าจอกันบ้างนะครับ หน้าจอของ Xiaomi 15 Ultra ตัวนี้กันต่อเลยนะครับ ขนาดหน้าจอ จะอยู่ที่ 6.73 นิ้ว และรูปแบบหน้าจอจะเป็น All Around Liquid Display ที่จะมีความ Micro Curved เล็ก ๆ ในทั้ง 4 ด้าน เหมือบกับ Xiaomi 14 Ultra เลย ถือว่า เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงจัดเต็มเรื่องกล้อง ที่มีขนาดหน้าจอ Compact ที่สุดในตลาด ณ เวลานี้แล้ว ตอนนี้ทะลุ 6.8 นิ้ว กันหมด

ขอบ Bezel สีดำของหน้าจอ มีความบางพอ ๆ กับ Xiaomi 14 Ultra มีพื้นที่ Screen to body ratio อยู่ที่ 89.7% และสัดส่วนหน้าจอแบบ 20 : 9 ทำให้ใครที่ชอบใช้งานด้วยการถือแนวนอนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการรับชม Content ไปจนถึงการถ่ายภาพ จะได้ Space ในการจัดวาง UI ต่าง ๆ ที่เต็มตา บนหน้าจอที่ขนาด Compact

ตัว Panel หน้าจอเขาจะใช้เป็น LTPO OLED พร้อมกับขอบเขตสี 68B โดยจะมี Resolution อยู่ที่ 2K ( 3200x1440 ) และ Refresh Rate 1-120Hz รองรับ Content ที่เป็น HDR และ Dolby Vision ทำให้ในเรื่องการแสดงผลนั้น ไว้ใจเรื่องคุณภาพได้เลย

แก้วได้ลองเอาไปดู Content Streaming จาก Platform ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Netflix , HBO MAx YouTube ,สามารถดูได้ที่ความละเอียดสูงสุด และรองรับ Content ที่เป็น HDR ในทุก Platform เลยครับ

ฟีเจอร์เสริมของหน้าจอ ก็มีมาให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น การปรับ Profile สีสันหน้าจอ ( แก้วใช้เป็น Natural สบายตาดี ) ฟีเจอร์ Super Resolution ที่ช่วยเติมรายละเอียดให้ Content Resolution ต่ำที่เราเปิดดู ให้คมชัด สีสวยขึ้น

รูปแบบของตัว Fingerprint Scanner จะใช้เป็น Ultrasonic ที่มีความปลอดภัยสูงกว่า Optical มาก ๆ และสามารถปลดล็อกได้รวดเร็วกว่า ตำแหน่งในการจัดวางก็ วางมาได้ใช้งานสะดวก ไม่ต่ำเหมือนกับ Optical Sensor นอกจากจะใช้ ปลดล็อกหน้าจอได้แล้ว ยังสามารถใช้ในการ Quick Access ในแอพต่าง ๆ ได้ไม่มีปัญหาอะไรครับ

ความลื่นไหลในการ Touch ใช้งานหน้าจอทั่ว ๆ ไป หรือ เลื่อนหน้า Feed Social Media ต่าง ๆ ให้ความเนียนตาแบบ 120Hz ตัว Animation ของ UI จาก Xiaomi Hyper OS 2 มีความ Smooth เนียนตามากขึ้น ไม่ได้รวดเร็วปรู๊ดปร๊าด แต่ใช้งานแล้ว สบายตาดี

ความสว่างหน้าจอ เวลาออกไปใช้งานนอกบ้าน แก้วไม่แน่ใจว่าตัวเลข HBM หรือ Typical Brightness สูงสุดอยู่ที่เท่าไร แต่ใช้งานจริงสว่างเพียงพอต่อการใช้งานทุกรูปแบบแน่นอน แต่แก้วมีข้อสังเกตให้ตรงนี้นิดหนึ่งครับ ถ้าเราใช้งานกล้องหนัก ๆ ต่อเนื่องประมาณ 10 นาที เราจะเห็นได้เลยว่า แสงหน้าจอมีการ Drop ลงมา ในระดับที่ ยังใช้งานทั่วไปต่อได้ แต่ถ้าจะใช้ถ่ายภาพต่อ อาจจะไม่ค่อยเหมาะแล้ว เพราะเราจะมอง Detail ของสิ่งต่าง ๆ บนหน้าจอได้ค่อนข้างยาก ซึ่งต้องรอดูว่า พอเป็นเครื่องเวอร์ชั่นขายจริง จะแก้ไขตรงนี้มาให้แล้ว หรือยังนะครับ

CAMERA SPECIFICATION
เรามาดูกันที่กล้องถ่ายภาพกันบ้างครับ สำหรับกล้องถ่ายภาพใน Xiaomi 15 Ultra มีหลาย ๆ ส่วนที่ได้รับการ Upgrade มาจากรุ่นที่แล้วพอสมควร ทั้ง Hardware และ Software แต่ก็มีบางจุดที่ถูกตัดความสามารถบางอย่างออกไปเหมือนกัน เราไปดู Spec กล้องกันก่อนเลยนะครับ

Camera Specification : Xiaomi 15 UItra
Main camera 50MP | f/1.63 | LYT-900 1-inch | 23mm | OIS PDAF
Ultra Wide Angle 50MP | f/2.2 | JN5 | Focal Length 14mm | PDAF
Tele-Macro 3x 50MP | f/1.8 | Focal Length 70mm | IMX858 | OIS PDAF
Periscope Telephoto 4.3x 200MP | f/2.6 | Focal Length 100mm | HP9 | OIS PDAF
Front Camera 32MP | f/2.0 | OV32B | Focal Length 21mm | Fix-Focus
Color Profile ที่ให้มาแบบจัดเต็ม ตอบโจทย์ทุกสไตล์การถ่ายภาพ
นอกจาก Color Profile ดั้งเดิม ที่ Co-Engineered กับ Leica อย่าง Leica Authentic และ Leica Vibrant แล้ว ถ้าเรากดดูที่ Filter สีใน App กล้อง เราจะพบว่า มี Filter สีภาพจาก Leica ให้เราเลือกอีกเพียบ ทั้งแบบที่เป็นภาพสี และแบบที่เป็นขาวดำ ที่แก้วชอบมากที่สุด ก็คงจะเป็น Leica NAT และ Leica B&W NAT ให้ลุคคล้าย ๆ Leica Authentic ที่ขอบภาพ หรือ Vignette ไม่มืดมาก

อิสระในการจับคู่โทนสีภาพ และ Bokeh อันมีเอกลักษณ์จาก LEICA
ถ้าใครเป็นแฟน Xiaomi มาตั้งแต่ยุค Xiaomi 13 Series คงจะพอจำกันได้นะครับ ว่าทาง Xiaomi ได้มีการนำ Bokeh จากทาง Leica มาทำเป็น Profile ในการถ่ายภาพ Portrait โดยใช้ชื่อว่า Leica Master-Lens system ซึ่งเขาจะทำเป็น Preset มาเลย ว่า สีสันแบบนี้ ควรจับคู่กับ Bokeh ลักษณะไหน
ซึ่งทาง Xiaomi เองก็ได้เก็บ Feedback การใช้งานอยู่ตลอด มี Users หลายคนมองว่า เขาอยากได้อิสระในการเลือกโทนสี และ Bokeh มากกว่านี้ ทำให้ใน Xiaomi 15 Ultra ทาง Xiaomi ได้ปรับปรุง Software Bokeh Simulation ให้ยืดหยุ่นกว่าเดิม ผู้ถ่ายก็มีอิสระในการจะ Match โทนสี กับ Bokeh ได้อย่างอิสระแล้ว และ ระยะในการถ่ายภาพ Portrait ก็ยังสามารถปรับได้อิสระเลยด้วย ไม่ต้องเลือกเป็น Focal Length Step อยากถ่ายระยะไหนก็เลือกได้เลย

ฟีเจอร์ Parameter Presets จากรุ่นที่แล้ว อย่าง Xiaomi 14 UItra และ Xiaomi 14 ก็ยังคงมีให้เราใช้งานอยู่เหมือนเดิม โดยเราสามารถตั้งค่ากล้อง สำหรับการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าได้ เช่น ตั้ง Preset สำหรับถ่ายภาพ Snap Shot เร็ว ๆ ตั้ง Preset สำหรับการถ่ายดาว ไปจนถึง Preset สำหรับการถ่ายภาพ Landscape ภาพ Street ก็ตั้งไว้ได้ ( Feature นี้จะอยู่ใน Mode Pro นะครับ )

ฟีเจอร์ตกแต่งภาพด้วย AI ที่ใส่มาให้แบบล้น ๆ และใช้งานได้จริง
AI ERASE : ฟีเจอร์ในการลบ และ Generative ส่วนที่ถูกลบออกไป ด้วย AI ที่ถือว่าเป็นพื้นฐานของ AI ฟีเจอร์ในยุคนี้ ทาง Xiaomi ก็ทำได้ดีครับ จะเลือกเป็นแบบ ใช้การวงด้วยตัวเองก็ได้ หรือ จะให้ AI Detect Subject ในภาพให้เราอัตโนมัติก็ได้เช่นกัน


AI EXPANSION : ภาพที่ถ่ายมาแคบไปใช่ไหม ? เราช่วยได้
ตัวฟีเจอร์ AI EXPANSION เป็นการใช้ Generative AI ขยาย FOV ของภาพให้กว้างขึ้นได้ บางทีเราถ่ายภาพมา แล้วรู้สึกว่า Frame มันดูแน่นเกินไป อยากได้ Space รอบ ๆ เพิ่มสักหน่อย ก็ใช้ตัวนี้ช่วยได้ หรือ เวลาเรามีการ Crop ภาพ Rotate ภาพ แล้วบางส่วนของภาพหายไป เราก็ใช้ AI EXPANSION ตัวนี้ เติมส่วนนั้นให้เราก็ได้เช่นกัน ใช้งานได้ดีมากทีเดียว

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่แก้วได้มีโอกาสใช้บ่อย และเชื่อว่าเพื่อน ๆ ชาวไทย ต้องมีโอกาสได้ใช้เช่นกัน ก็คือ ฟีเจอร์ การเปลี่ยนท้องฟ้าด้วย AI Generative ด้วยความที่บ้านเราฝนตกบ่อย ท้องฟ้ามีเมฆเยอะ ๆ ถ่ายรูปมาแล้วไม่สวย เราก็สามารถจะเปลี่ยนท้องฟ้า เป็นสไตล์ที่เราต้องการได้ ผ่านฟีเจอร์นี้ครับ

MAIN CAMERA : กล้องหลัก 50MP | LYT-900 | f/1.63
เรามาเริ่มดูภาพจากกล้องหลัก ที่ใช้ Sensor ขนาด 1 นิ้ว อย่างเจ้า LYT-900 ตัวนี้กันเลยนะครับ โดยโทนสีที่แก้วเลือกใช้ในการถ่ายภาพ โดยส่วนใหญ่ จะเป็น Leica Vibrant นะครับ ถ้าภาพไหนเป็น Leica Authentic ให้สังเกตขอบภาพ จะมี Vignette ดำ ๆ อยู่

ลักษณะในการ Process ภาพของ Xiaomi 15 Ultra ไม่ว่าจะกล้องตัวไหนก็ตาม จะมีความเปลี่ยนแปลงไปจาก Xiaomi 14 Ultra อยู่พอสมควร เรื่องแรกเลยก็คือ Contrast ที่ลดลงครับ ถ้าใครเคยใช้ Xiaomi 14 Ultra มาก่อน ไม่ว่าจะเราจะใช้ Color Profile แบบไหน ภาพที่เราถ่ายจะมี Contrast ที่ค่อนข้างจัด ใน Xiaomi 15 Ultra ดูละมุนขึ้นเยอะ

เรื่องที่สอง ที่มีความเปลี่ยนแปลงไป คือ Software Auto HDR ที่ช่วยขยาย Dynamic Range ของภาพนั้น จะทำงานเกือบตลอดเวลา ต่างจากตอน Xiaomi 14 Ultra ที่จะต้องถ่ายย้อนแสงจริง ๆ หรือมีส่วนเงาในภาพเยอะ ๆ HDR ถึงจะทำงานให้เรา

ทำให้รายละเอียดในช่วงความสว่างของภาพ ในระดับต่าง ๆ ทั้ง Shadow | Midtone | Highlight จะดีมากขึ้น ส่วน Shadow กับ Midtone จะสว่างกว่ารุ่นที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ขุดหนักมากจนภาพดูแบนนะครับ

การทำงานของ Auto Exposure และ Auto White Balance ในสภาพแสงปกติ สามารถทำงานได้อย่างสม่ำเสมอดีในสภาพแสงปกติ วัดแสงออกมาในระดับที่กำลังพอดี รักษา Detail ส่วน Highlight และ Shadow เอาไว้ได้ครบถ้วน ส่วน Auto White Balance แก้วรู้สึกว่า เขาไม่ได้พยายามจะแก้อุณหภูมิสี ให้ตรงที่สุดอยู่ตลอดเวลา

อย่างเวลาเราไปถ่ายภาพตอนเย็น แสงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม เขาก็เลือกที่จะเก็บสีจริง ๆ ที่ตรงตาเราเห็น มากกว่าจะแก้ให้ White Balance ตรง โดยเสีย รายละเอียดของ สีสันจากแสง ในช่วงเวลานั้นออกไป

แต่ถ้าเป็น Scene ที่เราไปถ่ายภาพในร้านอาหาร หรือคาเฟ่ที่มีไฟสีส้ม สีเหลือง ตัวกล้องก็สามารถที่จะช่วยแก้ White Balance ให้เราได้ดี เหมือนกับว่า AI จะต้องพิจารณา Scene ในภาพรวมเพิ่มเติมด้วย ว่า User กำลังถ่ายภาพอะไรอยู่

ส่วนในเรื่องของ Depth of field ของกล้องหลักตัวนี้ ยังคงเบลอได้มิติสะใจเหมือนเดิม ใครที่ชอบถ่ายอะไรแบบเน้น ละลายหลัง ชัดตื้นมาก ๆ กล้องตัวนี้ยังให้ประสบการณ์ได้ยอดเยี่ยมเหมือนเคย แต่ก็มีบางสิ่งหายไป ก็คือ เราไม่มีสามารถจะปรับ Physical Aperture หรือรูรับแสงแบบ Hardware ได้แล้ว ทำให้ Effect ไฟแฉกนั้น หายไปซึ่งก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าเสียดายพอสมควรเลยครับ มันสามารถเอามาใช้ Create ภาพถ่ายได้หลายรูปแบบเลย

PORTRAIT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพบุคคล
เรามาต่อกันที่ เรื่องของการถ่ายภาพ Portrait กันบ้างนะครับ อย่างที่แก้วบอกไปข้างต้น ว่าเราสามารถที่จะ Matching สีสันของภาพ เข้ากับ Bokeh สไตล์ไหนก็ได้แล้ว ทำให้ เรามีตัวเลือก ในการถ่ายภาพ Portrait เยอะมากขึ้น แต่ Bokeh ที่แก้วใช้งานบ่อยที่สุด จะเป็น Classic Bokeh และ Swirly Bokeh ปรับมาใหม่ สวยกว่าเดิมมาก

ระยะในการถ่ายภาพ Portrait ตั้งต้น จะมีมาให้เราใช้งานทั้งหมด 4 ระยะ ได้แก่ 1x ( 23mm ) | 2x ( 46mm ) | 3x ( 70mm ) | 4.3x ( 100mm ) ซึ่งจริง ๆ แล้ว ถ้าเราลองใช้นิ้วเลื่อนดู เราจะเห็นว่า ระยะไกลสุดในการถ่ายภาพ Portrait เราจะไปได้ถึง 6x หรือ 135mm เลยครับ


นอกจากนั้น ก็ยังมีรูปแบบ Profile ของการถ่าย Portrait มาให้เราทั้งหมด 2 Style ก็ คือ Leica Portrait และ Master Portrait ซึ่ง ถ้าใครเคยดูรีวิว Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 ของแก้วมาก่อน จะพอจำกันได้ว่า แก้วมักจะแนะนำให้ใช้ Master Portrait ตอนถ่ายภาพบุคคล เพราะ AI จะช่วยปรับ Skintone ปรับใบหน้าตัวแบบให้อัตโนมัติ เพราะ Leica Portrait จะเน้นความสมจริง และมี Contrast บนใบหน้าที่เข้ม

ซึ่งใน Xiaomi 15 Ultra ทาง Xiaomi เอง ได้มีการพัฒนา Portrait LM 2.0 ที่จะเป็น AI Language Module ออกแบบมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการถ่ายภาพ Portrait ช่วยให้ รายละเอียดของผิว แววตา Skintone ไปจนถึง การทำ Bokeh Simulation ได้ยอดเยี่ยมกว่ารุ่นที่แล้ว ซึ่งพอแก้วได้ลองใช้งานมา ก็ยืนยันเลยครับว่า ครั้งนี้ Xiaomi ถ่ายคนสวยไม่แพ้ใครแล้วจริง ๆ

เวลาถ่ายภาพ Portrait ย้อนแสง ก็ไม่ต้องกลัวหน้าจะมืดแล้ว พอมี Portrait LM 2.0 มาช่วยจัดลำดับความสำคัญในการเก็บรายละเอียด ถ้าเขาเห็นว่ามีหน้าคนอยู่ใน Frame ก็จะ Active HDR ขึ้นมาทันที และชดเชยแสงในส่วนใบหน้าให้สว่างขึ้น

ส่วนในเรื่องของความแม่นยำในการทำ Bokeh Simulation หรือการตัดขอบละลายฉากหลังนั้น ต้องบอกว่า ทำได้เนียนขึ้นกว่าตอน Xiaomi 14 Ultra ค่อนข้างเยอะมาก เจอฉากหลังยาก ๆ ก็ยังเอาอยู่ พวกปลายเส้นผมต่าง ๆ เก็บมาได้ดีเลย แต่มีข้อสังเกตให้นิดหนึ่งนะครับ ถ้าเราถ่ายภาพต่อเนื่องจนเครื่องร้อนมาก ๆ แก้วสังเกตเห็น ความแม่นยำในการเก็บขอบนั้น จะลดลง และใช้ระยะเวลาในการประมวลผลนานกว่าเดิม จุดนี้ก็ อยากให้ทาง Xiaomi อัพเดต Software มาแก้ไขให้ในอนาคตนะครับ

เวลาถ่าย Portrait ในที่แสงน้อย สำหรับแก้ว ค่อนข้างน่าพอใจเลยนะ ขนาดว่าชดเชยแสงลงไป จนต่ำมาก ๆ เพื่อเน้นเรื่องแสงเงา แต่การทำ Bokeh Simulation นั้น ก็ยังมีความแม่นยำ สวยงาม และดูมี Character จากเลนส์ Vintage Leica มาก ๆ เลยครับ


นอกจากนั้น ถ้าเกิดใครเป็นคนชอบถ่ายภาพ Street หรือชอบถ่ายภาพแนว Wild Life , Documentary แก้วแนะนำให้ลอง เอา Mode Portrait จาก Xiaomi 15 Ultra เครื่องนี้ ไปผสมผสานกับการถ่ายภาพดู เพราะ Bokeh Simulation ทำงานตลอด ไม่ว่าเราจะ Subject เป็นอะไรก็ตาม ล่าสุดแก้วไปเที่ยวปางช้างที่หนึ่งมา

พอเราเอา Mindset แบบคนถ่ายภาพสัตว์ ถ่ายภาพสารคดีเข้ามาจับ Xiaomi 15 Ultra มันพาเราไปได้ไกลกว่าที่คาดคิดเอาไว้มาก นี่น่าจะเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เอาสมาร์ทโฟน ถ่ายภาพช้าง แล้วได้อารมณ์ความรู้สึก ๆ ต่าง ๆ ถ่ายทอดออกมาจาก แววตาได้เต็ม ๆ

แก้วคิดว่า คนที่ชอบท่องเที่ยว สไตล์ธรรมชาติ | วัฒนธรรม | สถาปัตยกรรม จะรู้สึกได้ถึง ความเข้ากันได้อย่างประหลาด เวลาใช้ Xiaomi 15 Series บันทึกความทรงจำของเราออกมา มันมากกว่าแค่ความคมชัด แต่มันคือ อารมณ์ความรู้สึก ที่เพิ่มเติมขึ้นมา จากการได้โทนสีของ Leica มาช่วยถ่ายทอด

TELE-MACRO : กล้องเทเลโฟโต้ 3x 50MP | IMX858
เรามาต่อกันที่กล้อง Telephoto 3x ตัวนี้กันบ้างนะครับ ในส่วนของตัว Hardware นั้น ยังคงใช้ IMX858 ตัวเดียวกับ Xiaomi 14 Ultra เหมือนเดิม แต่ด้วยความที่เป็นเทคโนโลยี Floating Telephoto ที่ชิ้นเลนส์สามารถเลื่อนเข้าออก เพื่อปรับ ระยะโฟกัสใกล้สุดได้อย่างอิสระ ทำให้ นอกจากจะเป็นกล้อง Telephoto ระยะกลาง ที่ใช้งานได้อเนกประสงค์

ยังเป็นกล้อง Tele-Macro ที่มีระยะโฟกัสใกล้สุดถึง 10 ซม. และเป็นกล้อง Telephoto ที่ใช้งานในการถ่ายภาพ Macro แบบที่ไม่ต้องใช้ Software เข้ามาช่วย ที่ดีที่สุดในตอนนี้เหมือนเดิม สีสันของภาพที่ออกมาก็ทำออกมาได้ใกล้เคียงกับกล้องหลัก เกือบจะ 100%

Depth of field และ Bokeh ที่ได้ก็มีความนวลสวยงาม เม็ด Bokeh เป็นแบบกลม ตามสไตล์กล้อง Telephoto แบบดั้งเดิม ที่ไม่ใช่ Periscope ซึ่งแก้วว่าดีนะ ในชุดกล้อง ใน Telephoto ตัวหนึ่งได้ Bokeh กลมถ่าย Macro ได้ อีกตัว Bokeh เหลี่ยม ไว้ถ่าย Medium Shot ทำให้เรา มีตัวเลือกในการใช้งานที่มากขึ้น

และ ด้วยความที่ระยะ 3x เป็น ระยะที่เราสามารถใช้งานได้หลากหลายอยู่แล้ว ทำให้เอาไปถ่ายภาพอาหาร ถ่ายภาพ Street หรือ Object ที่มีขนาดกลาง ๆ ได้สนุก จัด Compose ได้ไม่ยากเลย

PERISCOPE TELEPHOTO 4.3x : กล้องเทเลโฟโต้ 4.3x 200MP | HP9
มาถึง Highlight ใน Xiaomi 15 Ultra รุ่นนี้กันบ้างนะครับ นั่นก็คือ กล้อง Periscope Telephoto แบบ Long range โดยมี Focal Length อยู่ที่ 100mm จับคู่กับ Sensor สุดฮิต สำหรับมือถือซูมเทพ ๆ อย่าง ISOCELL HP9 ตัวนี้ ซึ่งถือว่า นี่เป็น กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียดสูง 200MP ที่มีระยะทางยาวโฟกัส ที่ไกลที่สุดในเวลานี้แล้ว

ด้วยความที่ใช้ Sensor ขนาดใหญ่ Focal Length ก็ไกล และมีรูรับแสงที่กว้างถึง f/2.6 อีก ทำให้มิติภาพของกล้อง Periscope Telephoto ตัวนี้ ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของตลาด ณ เวลานี้แน่นอน เราสามารถนำข้อดีตรงนี้ มาสร้างมิติ ความลึก ความตื้น ให้กับภาพถ่ายได้หลายแบบ

ไม่ว่าจะเป็นวาง Foreground ไว้ด้านหน้า Subject ที่เราต้องการจะ Focus เพื่อสร้างมิติ ให้กับภาพ หรือจะเป็นการเลือกเจาะ โฟกัสไปที่ Subject ที่มีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก เพื่อสร้าง Depth of field ในฉากหลัง ก็ทำได้ดี

คุณภาพไฟล์ สีสันต่าง ๆ ทำออกมาได้ดี แทบจะเหมือนกับกล้องหลัก 100% รวมไปถึง Software ต่าง ๆ ทั้งเรื่องการวัดแสง White Balance และระบบโฟกัส ก็ทำออกมาได้ดี ไว้ใจ และคาดหวังได้เสมอทุกครั้งที่กดถ่ายภาพ

อีกหนึ่งความสุข เวลาที่เรามี Telephoto ระยะ Optical ไกล ๆ ที่คุณภาพดี คือ การออกไปถ่าย สถาปัตยกรรม และ Cityscape ในเมือง เราสามารถหามุมมองที่แปลกตา ของเส้นสาย และ Pattern ของตึก มาสร้างเป็นงาน Art ของตัวเองได้สนุกมาก

ใน Shot ที่ต้องมีการชิงจังหวะ เช่น เราต้องการจะถ่ายนกบิน ต้องการจะถ่ายสัตว์ป่า ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา กล้อง Periscope Telephoto 4.3x ตัวนี้ ก็มีความเร็ว Shutter ที่รวดเร็วเพียงพอ ที่จะหยุดการเคลื่อนไหว เหล่านั้นได้

ซึ่งถ้าหาก Mode Auto เร็วไม่พอจริง ๆ เราสามารถใช้ Mode FastShot ที่จะมีการเร่ง Shutter Speed ขึ้นไป เพื่อหยุด Subject ที่มีความเคลื่อนไหวในภาพได้อย่างสวยงาม โดยใช้ได้ตั้งแต่ระยะ 28mm ไปจนถึง 135mm

ได้ Sensor ความละเอียดสูงสุดในตลาด สำหรับกล้อง Telephoto มาประจำการทั้งที เราต้องมา Test ประสิทธิภาพการ Zoom กันสักหน่อย อย่างแรกแก้วอยากบอกทุกคนไว้ก่อนว่า Xiaomi ไม่ได้ใส่มาแค่ Hardware ที่โหดเฉย ๆ นะ

เขายังพัฒนา AI ขึ้นมาใช้ในการ Zoom ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาประกอบด้วย ก่อนหน้านี้ เราอาจจะได้เห็น สมาร์ทโฟนเรือธงบางตัว มีการนำ Cloud Computing เข้ามาช่วยในการ Gen รายละเอียดภาพขึ้นมาใหม่ เวลาใช้จะต้องต่อ Internet ไปด้วย

แต่ Xiaomi คิดต่างออกไปนิดหน่อย มีการนำ AI เข้ามาช่วยปรับปรุงภาพให้ดีขึ้นเหมือนกัน แต่ Xiaomi เลือกที่จะใช้พลังของ AISP 2.0 หรือ หน่วยประมวลผลภาพในตัวเครื่องเป็นคนจัดการให้เลย หมายความว่า ต่อให้เราไม่มี Internet เราก็สามารถที่จะใช้งาน ฟีเจอร์นี้ได้

วิธีการเปิดใช้งานก็ง่าย ๆ ครับ เมื่อเราซูมเกินระยะ 30x ขึ้นไป เล็งกล้องไปที่ Object อะไรก็ได้ใน Frame ภาพ จะปรากฏ Icon ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ ลักษณะจะเป็นรูปคล้าย ๆ กับ Sensor โดย เราสามารถจะปรับ AI ตัวนี้ได้ 2 แบบ

แบบ Auto : AI จะประมวลผลภาพให้คมชัดขึ้นแบบอัตโนมัติ โดยอ้างอิงความเป็นจริงจากภาพต้นฉบับให้มากที่สุด
แบบ AI : บังคับเปิดการประมวลผลแบบ AI ขึ้นมาช่วยประมวลผล ในบางครั้งผลลัพท์ที่ออกมา อาจจะผิดแปลกไปจากความเป็นจริงได้

ULTRA WIDE ANGLE : กล้องมุมกว้างพิเศษ 50MP | JN5 | 14mm
สิ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจใน กล้อง Ultra Wide Angle ของ Xiaomi 15 Ultra ตัวนี้ คือ นอกจากจะมีการเปลี่ยน Sensor จาก IMX858 มาเป็น ISOCELL JN5 แล้ว ยังมีการลดขนาดรูรับแสง ให้แคบลงเหลือเพียง f/2.2 อีกด้วย ตอนแรกที่ได้เห็น Spec แก้วก็มีความรู้สึก เอ๊ะ ! อยู่เหมือนกัน แบบนี้ดูเหมือนการลด Spec ไหม ?


ก็เลยไปศึกษา Factsheet ของตัว Sensor ISOCELL JN5 ที่เพิ่งเปิดตัวสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อปีที่แล้ว ว่าเขามีจุดเด่นอะไร อย่างแรกคือ Sensor ตัวนี้ใช้ระบบโอนถ่ายประจุแสงในตัว Sensor แบบคู่ ที่สามารถประมวลผลได้เร็วกว่า และมี Dual Slope Gain (DSG) ขยายแสงอนาล็อกออกเป็น 2 สัญญาณ แล้วจึงนำมารวมกันทีหลัง ทำให้ขอบเขตของสีสันที่เก็บมาได้นั้นกว้างขึ้น ช่วยให้ ทั้งสีสัน และ Dynamic Range เวลาถ่ายภาพออกมานั้น ได้สีที่ตรง ไม่ด้อยไปกว่ากล้องตัวอื่นเลย

ซึ่งพอได้ลองถ่ายใช้งานออกมาจริง ๆ มันก็ตรงตามที่คิดไว้เลย สีสันของภาพที่ออกมา ไม่โดดออกจากกล้องตัวอื่น การวัดแสงวัดออกมาพอดี White Balance ก็แม่นยำไม่แพ้กล้องหลัก และกล้อง Telephoto คุณภาพไฟล์สำหรับแก้วถือว่าผ่านไม่มีปัญหาเลย

การจัดการ Distortion ทำมาได้ดี สำหรับมุมมองที่กว้าง 14mm แบบนี้ เวลาถ่ายย้อนแสงก็ไม่เจอพวก Chromatic Abberation ขอบเขียว ขอบม่วงเลย ส่วนความคมของภาพ ประมาณ 90% ของภาพทั้งหมด มีรายละเอียดที่ดีแล้ว แต่ตามขอบภาพทั้ง 4 มุม เรายังพอเห็นความ Soft ได้อยู่บ้างนะครับ

LOW LIGHT PHOTOGRAPHY : การถ่ายภาพในที่แสงน้อย
เรามาต่อกันที่การถ่ายภาพในที่แสงน้อยกันบ้างนะครับ แก้วบอกเลยว่า นี่คืออีกหนึ่งช่วงเวลา ที่ Xiaomi 15 Ultra ตัวนี้ จะฉายแสง เราสามารถใช้งาน Night Mode ได้ในกล้องหลังทุกตัว รวมไปถึงกล้องหน้าด้วย ลักษณะในการ Process Night Mode ของ Xiaomi 15 Ultra นั้น คือ ถ้าเทียบกับตอน Xiaomi 14 Ultra แก้วรู้สึกว่า เขามีการเติม Sharpness และ Clarity เข้ามาในภาพ มากกว่ารุ่นก่อนอยู่นิดหน่อย แต่พวกระดับความสว่างยังเท่า ๆ กัน

ซึ่งจริง ๆ มีทางเลือกให้ครับ ถ้าเกิดใครรู้สึกว่า อยากได้ภาพ ชัด ๆ คม ๆ สีสวย เปิด Night Mode ขึ้นมาถ่ายตอนกลางคืนได้เลย แต่ว่าถ้าใครอยากได้ภาพกลางคืนที่มันไม่คมมาก มี Look ที่เหมือนกับภาพที่ถ่ายได้จากตอนกลางวันอยู่

ให้ถ่ายใน Mode Auto ปกติ แล้วตัวกล้อง จะลาก Shutter ให้เอง ได้ความสว่าง และสีสันพอ ๆ กัน แต่เรื่องความคม และ การจัดการจุดรบกวน หรือ Noise เวลาเปิด Night Mode จะทำได้ดีกว่าครับ


สำหรับในเรื่องของคุณภาพไฟล์ ใน Night Mode สำหรับแก้วนะ กล้องหลัก กับกล้อง Periscope Telephoto 4.3x เนื้อไฟล์ที่ออกมาจะดีพอ ๆ กัน เอามาปรับแสง ปรับสีต่อได้ ไม่ค่อยเจอ Noise มากนัก ยิ่งเอามาเล่นกับแสงเงานะ การไล่ระดับ Contrast ในภาพคือ สวยจริง ๆ

อีกหนึ่งอย่างที่เราจะสังเกตเห็นได้ง่าย เวลาที่ถ่ายภาพด้วยกล้อง Telephoto ทั้ง 2 ตัวในเวลากลางคืน ก็คือ Shape ของตัว Bokeh นั้น จะมีความแตกต่างกัน ตามลักษณะของหน้าเลนส์ ถ้าเป็น Telephoto 3x ก็จะเป็น Bokeh กลม ถ้าเป็น Periscope Telephoto 4.3x ก็จะเป็น Bokeh เหลี่ยม ลองหยิบจับมาใช้ในการสร้างสรรค์ภาพสวย ๆ ดูครับ

ส่วนถ้าเป็นกล้อง Ultra Wide Angle ที่บางคนอาจจะกังวลกันว่า ลดขนาดรูรับแสงลงมาแล้ว จะถ่ายกลางคืนเอาอยู่ไหม ? ขอแสดงความยินดีด้วยครับ เอาอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ White Balance ตอนกลางคืนไม่เพี้ยนด้วย ยิ่งถ้าเราถ่ายในสภาพแสงที่ยังพอมีความสว่าง มีแหล่งกำเนิดแสงอยู่รอบ ๆ บ้าง ไฟล์ที่ออกมาจะใสมากเลยครับ อาจจะใช้เวลาในการ ลาก Shutter นานกว่ากล้องหลัก และ 4.3x อยู่ประมาณครึ่งวินาทีเท่านั้น


ทีนี้มาดูภาพกลางคืนจากกล้อง Telephoto 3x กันบ้างนะครับ คือ แก้วเองอะจำได้ว่า ในปีที่แล้ว ระยะ 3x เนื้อไฟล์มันโอเคอยู่นะ ถ้าเป็น Hardware ชุดเดิม ก็คิดว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เลยนึกสนุก จับ Mode Portrait มาถ่ายในช่วงเวลานี้ซะเลย ผลลัพท์ที่ออกมา ทำเอาแก้วตกใจมาก Software ของตัวกล้อง สามารถเปลี่ยนแสงสะท้อนบนผิวน้ำ ให้กลายเป็น Bokeh แบบ Cat-eye สไตล์เลนส์ Vintage และยังไล่ระดับได้สวยมาก ๆ ทำให้ Mode Portrait ของ Xiaomi 15 UItra ไม่ได้เด็ดแค่ถ่ายคนละแหละ เอามาเล่นกับการถ่ายภาพ Street ได้สนุกแน่นอน

และ ต่อให้เราจะ Zoom ไปไกล มากกว่าระยะ Optical มาก ๆ Software AI ที่ช่วยเติมรายละเอียด ก็ยังทำงานในเวลากลางคืนด้วยนะครับ แต่เราอาจจะต้องมือนิ่งสักนิดหนึ่งในการถ่าย ผลลัพท์ก็ประมาณนี้เลยครับ

ส่วนพวก Mode การถ่ายภาพในช่วงกลางคืนก็มีมาให้ค่อนข้างครบถ้วนนะครับ Mode Long Exposure มีมาให้ ทั้งการถ่ายดาว การถ่ายเส้นไฟ การถ่ายน้ำตก การถ่าย Flow ของคน มีมาให้ครบเลย แต่ที่น่าเสียดาย เราใช้ได้แค่กล้องหลักตัวเดียวเท่านั้น ไม่แน่ใจว่า ใน Software ขายจริง จะใช้ได้ทุกกล้อง แล้วหรือยังนะครับ

RAW File Performance : ประสิทธิภาพของ RAW File
มาถึงเรื่องที่สำหรับแก้วแล้ว นี่คือ สิ่งที่ Xiaomi 15 Ultra อยู่เหนือสุดของ ห่วงโซ่อาหารจริง ๆ ก็คือ เรื่องของการถ่ายภาพด้วย RAW File นั่นเองครับ โดยเราสามารถใช้งาน RAW File ได้ในกล้องหลังทุกตัว และมีรูปแบบของ RAW File ให้เราเลือกใช้งาน 2 แบบ ก็คือ Sensor RAW และ Ultra RAW หรือ Computational RAW นั่นเองครับ โดย ได้รับการ Certified กับทาง Adobe เช่นเดิม สามารถความละเอียดได้ 2 ระดับ ก็คือ 12.5MP และ 50MP ซึ่งส่วนใหญ่แก้วจะถ่ายมาเป็น 12.5MP นะครับ



Dynamic Range ที่ URAW ตัวนี้เก็บมาได้ โดยเฉพาะกล้องหลัก และกล้อง Periscope Telephoto 4.3x อยู่ในระดับที่แก้วขอใช้คำว่า " อยากจะทำอะไรกับมันก็ทำ " Highlight หลุด ดึงท้องฟ้ากลับมาได้ | Shadow มืดไป ขุดส่วนเงาขึ้นมาได้ โดยที่ จุดรบกวน หรือ Noise ในส่วนที่เป็น Midtone | Highlight คือ ไม่มีเลย มีแค่ส่วน Shadow เล็ก ๆ เท่านั้นเอง Dynamic Range ของกล้องหลัก ทาง Xiaomi เคลมว่าอยู่ที่ 14EV ซึ่งเท่ากับ กล้อง Full Frame เรือธงเลย แต่เอาจริง ๆ จากสายตาแก้วแล้ว เต็มที่ประมาณ 11EV ซึ่งก็ถือว่า สูงที่สุดในอุตสาหกรรม อยู่ดีครับ


ด้วยความที่แก้วมีเวลาอยู่กับเขาน้อยมาก ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ทำให้ทุกวันที่ออกจากบ้าน แก้วจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้หมด แม้จะเป็นในวันที่ ท้องฟ้ามันแย่มาก ๆ มีแต่เมฆ และ PM 2.5 ก็ตาม จริง ๆ แก้วจะใช้ตัว AI Sky Replacement ก็ได้ แต่คิดว่า เอาไฟล์มาขุดเล่นดู แล้วเก็บ Mood ของวันแบบนี้ไว้ดีกว่า

ต่อให้จะเป็น Shot ที่เราถ่ายย้อนแสงดวงอาทิตย์แบบจัง ๆ Detail ในแต่ละย่านความสว่าง เราเอามา Process ต่อ มาขุดต่อได้สบาย มันไม่ต้องยั้งมือ เหมือนพวก RAW ที่เป็น Sensor RAW ทั่ว ๆ ไป

ส่วน URAW ของกล้อง Ultra Wide Angle และ กล้อง Telephoto 3x ตัวนี้ ถึงแม้ความยอดเยี่ยม มันอาจจะไม่ได้มี Dynamic Range กว้างเท่ากับ 2 ตัวก่อนหน้า ด้วยข้อจำกัดของขนาด Sensor แต่ถ้าเราเป็นคนที่เข้าใจเรื่องการใช้ Raw File อยู่แล้ว เราอาจจะวัดแสงเผื่อกัน Highlight เอาไว้สักหน่อย ก็จะสามารถใช้งานได้แบบไม่มีปัญหาครับ


มีสิ่งหนึ่งที่แก้วอยากลองมาก ๆ คือ การใช้งาน Raw File ในเวลากลางคืน หรือที่แสงน้อย ปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนไม่กี่ตัวเท่านั้น ที่ Computational RAW สามารถใช้งานในเวลากลางคืนได้ดี ซึ่งพอได้ลองแล้วก็ ไม่ผิดหวังจริง ๆ ที่คาดหวังเรื่องนี้เอาไว้


โดยถ้าหากใครอยากใช้งาน RAW File ในที่แสงน้อย แก้วแนะนำให้ใช้ที่กล้องหลัก กับกล้อง Periscope Telephoto 4.3x เป็นหลัก เพราะ Sensor มีขนาดใหญ่ แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ อยากลองใช้กับกล้องอีก 2 ตัวดู ก็ให้เลือก Scene ที่มันพอจะมีไฟส่องสว่างเอาไว้บ้างนะครับ



FRONT CAMERA : กล้องหน้าความละเอียด 32MP
กล้องหน้าของ Xiaomi 15 Ultra ตัวนี้ ก็จะใช้ตัวเดียวกับ Xiaomi 14 Ultra เมื่อปีที่แล้วเลยครับ จะเป็นแบบ Fix Focus มีองศาในการรับภาพที่กว้างเพียงพอ ต่อการใช้งานภาพนิ่ง และ วีดีโอ โดยที่ไม่ต้องยื่นแขนออกไปไกลมากนัก

เวลาเปิด โหมด Portrait ในกล้องหน้า ก็สามารถที่จะเบลอฉากหลังได้สวย การตัดขอบในกล้องหน้า เหมือนจะดูเนียน ๆ เก็บปลายผมได้ดีขึ้นกว่ารุ่นที่แล้วอยู่นิดหน่อย และที่ชอบที่สุดคือ เวลา ผู้ชาย Selfie ออกมาแล้ว มันไม่ดู Beauty จนเกินไป

เวลาเปิด Beauty Mode ขึ้นมา แก้วจะเปิดไว้ที่ประมาณ ระดับ 20% - 30% เท่านั้น เผื่อให้ได้ผิวที่สว่างขึ้น และเนียนขึ้นเล็กน้อย แต่ยังเก็บ Texture ผิว และรูขุมขนมาได้ครบถ้วนนั่นเองครับ

ในที่แสงน้อย กล้องหน้าตัวนี้ก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ Performance Software ด้านต่าง ๆ ทั้ง Bokeh Simulation และ Beauty Mode ทำงานได้ดีเหมือนเดิมเลยครับ

VIDEOGRAPHY : การถ่ายวีดีโอ
สำหรับในเรื่องของการถ่ายวีดีโอ นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ที่ใช้คำว่า หัวเราะทีหลังดังกว่าได้เหมือนกันนะ เพราะนอกจากจะสามารถถ่าย 8K 30fps ได้ในทุกกล้องแล้ว ยังรองรับ 4K 120fps ในกล้องหลัก และ กล้อง Periscope Telephoto 4.3x อีกด้วย นอกจากนั้น ยังสามารถถ่าย Dolby Vision 4K 60fps ได้ในทุกกล้อง ไป LOG Profile 10bit 4K 60fps ได้ในทุกกล้องเช่นกัน

ส่วนในเรื่องของคุณภาพไฟล์นั้น ต้องบอกว่า Standard Bitrate ของ Xiaomi 15 Ultra สำหรับ Video 4K 60fps อยู่ที่ 56mbps | 4K 120fps อยู่ที่ 76mbps และ 8K 30fps อยู่ที่ 76mbps เช่นกัน เนื้อไฟล์วีดีโอเวลาเราใช้งานใน Mode Auto ไม่ว่าจะกล้องตัวไหนก็แล้วแต่ ถ้าสภาพแสงดี ๆ ไฟล์ที่ออกมายอดเยี่ยมมาก แต่ถ้าต้องเจอที่แสงน้อย กล้องที่ให้คุณภาพไฟล์สูงสุดให้กับเราได้ คือ กล้องหลัก และ กล้อง Periscope Telephoto 4.3x ครับ
ส่วนในเรื่องของการกันสั่นวีดีโอ สำหรับแก้วใช้งานได้ดีทุกกล้อง แม้บางกล้องจะไม่มี OIS มาให้ ต้องใช้ EIS ก็ตาม แต่ก็ยังรักษาความนิ่ง และความเป็นธรรมชาติเวลาเราเคลื่อนกล้องไปมาได้ดี อาจจะมีเรื่องของจังหวะเวลาที่กล้องมีการ Switch ในขณะที่เราซูม ยังไม่ได้ Smooth มากนัก แก้วคิดว่าเรื่องนี้ Xiaomi อัพ Software มาปรับให้ดูเนียนตาก็ได้ แต่โดยส่วนตัวแล้ว แก้วเน้นไปที่ คุณภาพเนื้อไฟล์ เป็นหลักอยู่แล้ว เล็ก ๆ น้อย ๆ ปล่อยผ่านได้ครับ
PERFORMANCE | ประสิทธิภาพ
จบส่วนของกล้องถ่ายภาพกันไปแล้วนะครับ เรามาต่อกันที่เรื่องของ ประสิทธิภาพตัวเครื่องในภาพรวมกันบ้างดีกว่า ถ้าเอาแบบสั้น ๆ เลยก็คือ ความเป็น Snapdragon 8 Elite หนึ่งใน SoC ที่แรงที่สุดในโลก ณ เวลานี้ การใช้งาน ในทุก ๆ Task ทุก ๆ รูปแบบ ทำได้ลื่นไหล ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ และ Xiaomi HyperOS 2 ตัวนี้ก็ได้รับการปรับปรุงเรื่องเสถียรภาพในการใช้งานมาค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับ Xiaomi 14 Ultra เมื่อปีที่แล้ว

การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นใช้งาน Social Media , Application ในการทำงาน ไปจนถึง การใช้งานในรูปแบบที่เป็น Multi-Tasking สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล และไม่ได้มีความร้อนเพิ่มขึ้นมาอะไรมากนัก และทาง Xiaomi เองก็ได้อัพเกรด ระบบระบายความร้อนมาเป็น Xiaomi 3D IceLoop Dual Channel System รองรับความร้อนแรงของ Snapdragon 8 Elite

ในเรื่องของการจัดการความร้อนตัวเครื่อง จากที่แก้วใช้งานมา ถ้าเราใช้งานทั่ว ๆ ไป ในบ้าน หรือ ในที่ที่เป็น Indoor ความร้อนตัวเครื่องแทบจะไม่ขึ้นมาให้เรารู้สึกได้โดยตรงจากมือเราเลย อาการ Thottle Thermal ไม่มีมาให้รำคาญใจ

2 ช่วงเวลาที่เราจะสัมผัสได้ถึงการเพิ่มขึ้นของความร้อน จากฝาหลังตัวเครื่องแบบชัดเจน คือ 1. ตอนที่เราใช้งานกล้องหนัก ๆ 2. ตอนที่เราเล่นเกม อย่างที่แก้วบอกไปข้างต้น ถ้าใช้กล้องหนักจนเครื่องร้อน จะมีอาการแสงจอ Drop มาควบคู่กันด้วยนะครับ แต่ถ้าเป็นในเรื่องของการเล่นเกมนั้น จากที่แก้วลองเล่นมา ด้วยเกม Night Crow ที่เป็น MMORPG กินทรัพยากรเครื่องเยอะใช้ได้

ก็สามารถจะเปิด Graphic Setting ได้ในระดับสูงสุด เล่นเก็บเลเวล เดินเควส PVP ต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ก็ไม่ได้มีอาการกระตุก Frame ตก หรือ แสงจอ Drop แต่อย่างใดครับ แบตเตอรี่ที่ใช้ไปต่อการเล่นหนึ่งชั่วโมงอยู่ที่ 14%

ปีนี้ Battery Life ของ Xiaomi 15 Ultra เครื่องนี้เป็นยังไงบ้าง ? แก้วพูดตามตรงเลยนะครับว่า ในวันแรกที่ได้รับเครื่องมา แก้วถ่ายรูปไปแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น จากแบตเตอรี่ 50% คือ หมดเกลี้ยงเลย หลังจากนั้น พยายามใช้งานเขาหนัก ๆ ทุกวัน เปิด GPS นำทาง ถ่ายรูป เล่นเกม ตลอดวัน แบตเตอรี่ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงวันที่ 5 ตัว SOT หรือ Screen on time ไปได้ถึง 10 ชั่วโมง 35 นาที ( ใช้แต่ Wifi ) ซึ่งถือว่า อึดขึ้นมาก ๆ จากวันแรกที่ใช้ จบวันแบบสบาย ๆ ครับ

ถึงแม้ในตัวกล่องจะไม่ได้มี Adapter มาให้ แต่ถ้าใครมี Adapter ที่รองรับ PD 3.0 | QC4.0 ก็สามารถที่จะชาร์จได้เร็วเช่นกัน อย่างหัวชาร์จที่แก้วมี กำลังไฟสูงสุด 100% ก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็เต็มแล้ว ซึ่ง Xiaomi 15 Ultra รองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 90W เลยทีเดียวครับ

AI Features : การใช้งานฟีเจอร์ AI
นอกจาก Xiaomi 15 Ultra จะมี AI ที่ยอดเยี่ยม ที่มาช่วยในเรื่องของการถ่ายภาพแล้ว AI ที่คอยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของเรา ก็มีให้ครบถ้วนเช่นกันครับ ไม่ว่าจะเป็น Google Gemini | Circle to Search หรือจะเป็นตัว AI ที่อยู่ใน App Note ของเครื่อง ที่เราสามารถใช้บันทึกการประชุม ใช้แปลภาษา จดโน๊ต สรุปความ ก็คือ มีให้หมดเลย ใครอยากดู รายละเอียด AI แบบครบทุกตัว สามารถย้อนไปดูใน Video Review Redmi Note 14 Pro+ ได้นะครับ



อีกหนึ่งสิ่งที่ทาง Xiaomi ได้เพิ่มเข้ามาให้ใน Generation นี้ ก็คือ Xiaomi Hyper Connect โดยสามารถที่จำเชื่อมต่อกับ อุปกรณ์ภายใน Ecosystem ของทาง Xiaomi ได้แบบ ไร้รอยต่อ ทั้งหูฟัง Tablet หน้าจอ Monitor

นอกจากนั้นยังรองรับการเชื่อมต่อ ข้าม Operation System อีกด้วย สามารถเชื่อมต่อกับ Windows OS และ iOS และ MacOS ได้ด้วย สามารถจะแชร์ไฟล์กันระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างราบรื่น ไปจนถึงทำงานร่วมกันในระดับที่ลึกกว่าเดิม เช่น Share Screen ขึ้นไปบนหน้าจอ Windows หรือใช้ iWork ของทาง Apple ก็สามารถใช้ได้ครับ โดยฟีเจอร์เหล่านี้ จะถูกอัพเดตเข้ามาให้ในเวอร์ชั่นขายจริงนะครับ ตัวแก้วเองยังไม่ได้ทดลองใช้ฟีเจอร์นี้ด้วยตัวเองนะ

OVERVIEW & OPINION
Xiaomi 15 Ultra ในมุมมองของแก้ว ยังคงเป็นสมาร์ทโฟน ที่ถูกสร้างขึ้นโดยยึดพื้นฐาน ความชอบของคนที่เป็นกลุ่ม Photography Enthusiast เหมือนเดิม แต่ Xiaomi เอง ก็พยายามปรับปรุงหลาย ๆ ส่วน ให้คนทั่ว ๆ ไป สามารถนำพลังของกล้องถ่ายภาพที่เขาใส่เข้ามาให้ ไปสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม ได้ง่ายกว่าเดิม ทั้งการ Refresh Design ของ App กล้อง และการใส่ AISP 2.0 | LM ต่าง ๆ เข้ามาช่วยประมวลผลภาพอยู่เบืองหลัง

เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ โทนสี Character ของการ Process ภาพออกมา พยายามให้ Contrast น้อยลง ใช้ HDR มาช่วยเปิดรายละเอียดมากขึ้น และยังคง สามารถ Balance ระหว่างความคมชัด และความนุ่มนวล เป็นธรรมชาติของภาพ เอาไว้ได้ลงตัวเหมือนเดิม เวลาถ่ายภาพย้อนแสง ไม่ต้องมาคอยชดเชยแสงด้วยตัวเองอีกแล้ว ตัวฟีเจอร์ชดเชยแสง ที่แก้วใช้ตลอดสมัย Xiaomi 14 Ultra ในรอบนี้ แทบไม่ได้ไปแตะมันเลย
การถ่ายภาพ Portrait เป็นอีกจุดที่ ในรุ่นที่แล้ว หลายคนมองว่า มันดู Stylish มันดูเล่นกับสี เล่นกับ Contrast จนเกินไป จนบางทำคนที่ถูกถ่ายนั้น ก็อาจจะไม่ได้ชอบผลลัพท์ที่ออกมา Xiaomi เองก็เก็บ Feedback ไปปรับปรุงครับ รอบนี้ นอกจากผิวจะสว่าง หน้าจะใส ถ่ายย้อนแสงได้สบายแล้ว ยังได้ความอิสระในการจะจับคู่ Bokeh กับ Filter สีต่าง ๆ ไปจนถึงระยะเลนส์ ที่ไม่ได้ถูก Lock เอาไว้เป็น Step เหมือนค่ายอื่น ๆ มาให้เราใช้งานด้วย เอกลักษณ์ของภาพ Portrait Style Leica ยังอยู่ แต่แก้วคิดว่าหลายคนน่าจะชอบกว่าเดิม
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ถูกใส่เข้ามา ก็คือ กล้อง Periscope Telephoto 4.3x ความละเอียด 200MP เพื่อมาปิดจุดอ่อน ในเรื่องของการ Zoom จากรุ่นที่แล้ว แต่ . . . เหมือนจะไม่ใช่แค่นั้นครับ Xiaomi พาเรื่องของการ Zoom ไปไกลกว่าเดิม ด้วยระยะ Zoom สูงสุด 120x และ มีการนำ AI image reproduction เข้ามาใช้งานควบคู่ด้วย เมื่อเราซูมไกลกว่าระยะ 30x ขึ้นไป เราสามารถ Active AI มาช่วยเติมรายละเอียดที่หายไปได้ ซึ่ง " ไม่ต้องต่อ Internet " และใช้เวลาในการ Process เพียงแค่ 1-2 วินาทีเท่านั้น แถมภาพที่ Gen ออกมา จะมีความใกล้เคียงกับต้นฉบับมาก ๆ . . . แต่สิ่งที่ต้องแลกกับประสิทธิภาพแบบนี้ ก็คือ กล้องหลัก ที่รูรับแรงไม่สามารถปรับได้แล้ว ฮืออออ เสียดาย
ยกระดับการถ่าย Video แบบ Professional ที่ Professional จริง ๆ นะ มี 8K 30fps ให้ใช้ในทุกกล้อง มี 4K 60fps LOG Profile ให้ใช้ในทุกกล้อง และ 4K 120fps ในกล้องหลัก และ กล้อง Telephoto 4.3x แค่นั้นยังไม่พอครับ สายใช้งานแบบ Casual เน้นการซูม Xiaomi 15 Ultra เครื่องนี้ Video ซูมได้สูงสุด 30x ที่ Resolution 4K Bitrate แน่น ๆ 70mbps แก้วเชื่อว่า คนที่มี Mindset แบบ Professional ก็จะรีดศักยภาพของมันออกมาได้แบบสุด ๆ และคนใช้งานทั่วไป ก็สามารถสนุกกับมันได้ครับ
ในเรื่องของ Design ตัวเครื่อง แก้วว่าแล้วแต่มุมมองนะ ส่วนตัว ยังคงชอบ Design ที่มีความสมมาตร ของ Xiaomi 14 Ultra มากกว่านิดหน่อย แต่เวลาอยู่กับเขาไปนาน ๆ สักพักก็ชินไปเอง เพราะเราคงไม่ได้มานั่งมองหลังเครื่องอยู่ตลอดเวลา จะมองจอต่อถ่ายรูปมากกว่า โดยตัวจอก็จะเป็นลักษณ์เดิมครับ คือ All Around Liquid Display หรือจอโค้งสี่ด้าน ขนาดพอดีมือ 6.73 นิ้ว น้ำหนักไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ แต่ Weight Balance ดีขึ้น
สำหรับแก้วแล้ว ใครที่ใช้ Xiaomi 14 Ultra อยู่ ถ้าไม่ได้ใช้เรื่องการ Zoom จริง ๆ จัง ๆ แก้วคิดว่า ยังอยู่ต่อกับรุ่นเดิมได้ แต่ถ้าใครเว้นว่างจากการอัพเกรดมา 2 Generation และมองหาประสบการณ์การถ่ายภาพ ที่แก้วคิดว่า หาไม่ได้จากสมาร์ทโฟนรุ่นไหนเลยในตลาด Xiaomi 15 Ultra ก็เป็นตัวเลือกที่ อยู่อันดับต้น ๆ แน่นอนครับ
ราคาวางจำหน่าย Xiaomi 15 Ultra
Xiaomi 15 Ultra วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 ความจุ ก็คือ
Xiaomi 15 Ultra RAM 16GB Storage 512GB : 42,990 บาท
Xiaomi 15 Ultra RAM 16GB Storage 1TB : 46,990 บาท
มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ก็คือ สีขาว สีดำ และ สี Two-tone
[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ] Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer IG : kaew.ravie #Mobilephotographer #โมบายโฟโตกราฟเฟอร์
Comments